APCS บุกหนักธุรกิจ EPC ตั้งเป้ารายได้ 3,200 ล้านใน 3 ปีเพิ่มขึ้นกว่า 200 %
กรรมการบริหาร APCS เปิดแผนธุรกิจ 3 ปีข้างหน้าหันบุกธุรกิจ EPC เต็มตัวตั้งเป้ารายได้ทะลุ 3,200 ล้านเพิ่มขึ้นกว่า 200% พร้อมดึงพันธมิตรถือหุ้น 40% ในบริษัทย่อย เสริมความเข้มแข็งธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์รุกตลาดแถบภูมิภาคอาเซียน
นายสมโภชน์ วัลยะเสวี กรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ APCS เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนจะบุกธุรกิจ EPC อย่างเต็มกำลังเพื่อรับกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายบวกกับสถานการณ์น้ำมันมีราคาแพงทำให้เป็นโอกาสดีต่อการขยายธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกให้โตแบบก้าวกระโดด โดยแผนการดำเนินธุรกิจใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ทะลุ 3,200 ล้านบาทเพิ่มขึ้นประมาณ 235% จากฐานรายได้ 1,360 ล้านบาทในปี 2564 ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่กว่า 1,800 ล้านบาท และมีแผนธุรกิจด้านต่างๆ
ทั้งนี้ ประกอบด้วย ธุรกิจรับเหมาด้านพลังงานทดแทนทั้งลมแดดและขยะ สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ PDP 2018 (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1) มีแผนจะรับซื้อไฟจากพลังงานทดแทนในปี 2565-2567 เพิ่มอีกรวมปริมาณรับซื้อกว่า 1,800 เมกกะวัตต์ โดยเฉพาะในปี 2565 จะมีการประกาศรับซื้อมากกว่า 923 เมกกะวัตต์ โดยบริษัทยังได้รับอนิสงส์จากค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานต่างๆ หันมาสนใจการลงทุน เร่งติดตั้งระบบโซลาร์มากขึ้น เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้า ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับเหมางานประเภทนี้กว่า 70 เมกกะวัตต์ และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
สำหรับ ธุรกิจสถานีไฟฟ้าและสายส่งรวมถึงระบบผลิตและวางท่อส่งน้ำจัดการน้ำ บริษัทมีแผนขยายเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยเฉพาะในขตพัฒนาพิศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะต้องมีการลงทุนระบบสาธารณูปประโภคเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมากเช่นกัน
ดร.สมโภชน์ กล่าวว่า ตลาดต่างประเทศ บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านบริษัทลูกในเวียดนามรองรับแผน PDP (ฉบับ8) ซึ่งจากร่างที่รัฐบาลประกาสล่าสุด มีแผนรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานลมเพิ่มอีกกว่า 12,000 เมกกะวัตต์ ภายในปี 2030 ฝั่งธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ได้พันธมิตรเข้าร่วมถือหุ้น 40% ในบริษัทลูกเพื่อเสริมแกร่งขยายตลาดต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการขายหุ้นใน บริษัท เอเซียพรีซิชั่น เอ.ที. จำกัด จำนวน 22 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 14 บาท รวมเป็นมูลค่า 308 ล้านบาท ให้แก่บริษัท ทีเอ็นเอ จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้ามาสนับสนุนการขยายตลาดต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน