posttoday

DOD ลุยกัญชงเต็มสูบ จ่อยื่นขอใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD

08 กุมภาพันธ์ 2564

DOD ลุยตั้งลงงานกัญชง ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย ครอบครองเมล็ดพันธุ์ พร้อมรับซื้อกัญชงจากเกษตรกร

นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า ภายหลังจากกฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ.2563 เริ่มต้นมีผลใช้บังคับแล้ววันที่ 29 ม.ค. 2564 โดยก่อนหน้านี้บริษัทฯได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้รับซื้อกัญชง ในโครงการรับสมัครผู้ปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ของทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีเครือข่ายเกษตรผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตเพาะปลูกกัญชงเป็นจำนวนมาก ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการสนับสนุนให้ใช้ประโยชน์จากพืชกัญชงที่กำลังเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน

พร้อมทั้งกล่าวยอมรับว่า การใช้กัญชงจะต้องขออนุญาตกับทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งการแปรรูปผลิตภัณฑ์สุขภาพ หรือสร้างมูลค่าเพิ่ม และการปลูก ขณะที่ปัจจุบันทางอย.อยู่ระหว่างการสร้างระบบและแฟลตฟอร์มการยื่นสมัครขออนุญาต เพื่อใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งหากแฟลตฟอร์มการยื่นสมัครขออนุญาตแล้วเสร็จ ทางบริษัทฯก็สามารถยื่นใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง

นอกจากบริษัทฯเตรียมยื่นใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD แล้ว บริษัทฯยังเตรียมยื่นคำขอรับใบอนุญาตผลิต (ที่มิใช่การปลูก) , เตรียมยื่นคำขอรับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์ , เตรียมยื่นคำขอรับใบอนุญาตส่งออกเมล็ดพันธุ์ , เตรียมยื่นคำขอรับใบอนุญาตจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ และเตรียมยื่นคำขอรับใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองเมล็ดพันธุ์ ด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ หากบริษัทฯได้รับใบอนุญาตครบตามที่ยื่นขอ และสามารถผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชงเชิงพาณิชย์ได้ตามที่วางแผนไว้ จะยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความพร้อมของศักยภาพความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำในการผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชงได้แบบครบวงจร ที่สำคัญจะส่งผลให้รายได้บริษัทฯเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยลดต้นทุนการผลิต ควบคุมคุณภาพวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีโรงงานสกัดที่เป็นของตนเอง ทำให้เกิด Value Chain ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ สร้างประโยชน์และมูลค่าเพิ่มให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค ยังได้ตอกย้ำถึงจุดแข็งและข้อได้เปรียบของบริษัทฯว่า DOD มีความพร้อมในเรื่องของโรงสกัด และห้องปฏิบัติการ (LAB) ซึ่งผ่านการรับรองความสามารถตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017 จากสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงยังได้การรับรองมาตรฐาน ISO22000:2018 (ระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร) และ ISO14001:2015 (ระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม) จากบริษัท อินเตอร์เทค เทสติ้ง เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ขณะเดียวกันบริษัทฯมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ( R&D)ของบริษัทเอง ที่คอยค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาสารสกัดพืชสมุนไพร รวมถึงการพัฒนากระบวนการสกัด ออกแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ดังนั้นจากปัจจัยบวกในข้างต้นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทฯในการต่อยอดไลน์สกัดกัญชง ได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันจากเมล็ด หรือส่วนอื่นของกัญชง

ก่อนหน้านี้ DOD มีการเซ็น MOU ระหว่างมหาลัยวิทยาลัยแม่โจ้ และโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในการร่วมมือวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์สมุนไพรกัญชงและกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ รวมถึงยังมีการร่วมมือกับม.แม่โจ้ เพื่อรับซื้อกัญชงคุณภาพสูงจากเครือข่ายเกษตรที่ยื่นขอรับใบอนุญาตเพาะปลูก ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯมีเครือข่ายเกษตรกรที่สามารถซัพพลายวัตถุดิบกัญชงที่มีคุณภาพสูงให้กับบริษัทฯได้ระยะยาว คือมีสาร CBD (Cannabidiol) สูงและมีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ต่ำกว่า 1% ตามข้อกำหนดทางกฎหมายเพื่อมาทำสารสกัดจากกัญชงตามหลักมาตรฐานสากลที่ต้องมีสาร THC ต่ำกว่า 0.2% ซึ่งนอกจากการสกัดสาร CBD จากกัญชง เพื่อนำมาผลิตภัณฑ์ต่างๆแล้ว บริษัทฯยังมีแนวทางที่จะเพิ่มการสกัดสารในส่วนต่างๆของกัญชง เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น สกัดเป็นน้ำมันจากเมล็ดกัญชง สกัดเป็นโปรตีนสูง และสกัดเป็นเปปไทด์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯจะเริ่มดำเนินการขยายโรงงานสกัดสาร เพื่อรองรับการสกัด CBD จากกัญชงในเฟสแรก ซึ่งก็จะสามารถนำสารสกัดจากกัญชงมาเข้าสู่ไลน์การผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าที่เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ชั้นนำในประเทศเป็นลำดับต่อไป และหากโรงสกัดสาร CBD เฟสแรกประสบความสำเร็จ บริษัทฯก็มีแผนขยายการลงทุนเพื่อก่อสร้างโรงสกัดสารจากกัญชงในเฟสสอง ซึ่งจะเป็นโรงสกัดที่มีขนาดใหญ่กว่าในเฟสแรก ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นและขยายผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดโลก