posttoday

สผ.พรีเชียสกำไรดี

30 เมษายน 2556

ค่าเงินแข็งกดรายได้PTTEP ตลท.รับมือมาตรการธปท.

ค่าเงินแข็งกดรายได้PTTEP ตลท.รับมือมาตรการธปท.

ปตท.สผ.กำไรไตรมาสแรกกว่า 2 หมื่นล้าน ดีกว่าคาด ค่าเงินแข็งกดรายได้รูปเงินบาทโตน้อย

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิงวดไตรมาสแรกปี 2556 จำนวน 2.02 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.77% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.82 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณากำไรในรูปเงินเหรียญสหรัฐจะอยู่ที่ 680 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 589 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นผลมาจากการดำเนินงานตามปกติจำนวน 585 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานปกติ จำนวน 95 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับรายได้รวมของ ปตท.สผ. และบริษัทย่อย มีจำนวน 1,907 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,627 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 5.04 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาทรายได้รวมจะอยู่ที่ 5.68 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 5.04 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เพิ่มขึ้นโดยส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 2.61 แสนบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการขายเฉลี่ยในไตรมาสแรกปี 2555 ที่ 2.53 แสนบาร์เรล โดยมาจากแหล่งบงกชและบงกชใต้มีปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสตเพิ่มขึ้น รวมทั้งปริมาณการขายน้ำมันดิบจากโครงการเอส 1 และโครงการเวียดนาม 161 เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในไตรมาสแรกนี้เพิ่มขึ้นเป็น 67.03 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 64.79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

ทั้งนี้ กำไรสุทธิ PTTEP ที่ประกาศออกมาถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เช่น นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.78 หมื่นล้านบาท และยังคงกำไรสุทธิปี 2556 ไว้ที่ 6.28 หมื่นล้านบาท และให้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่ 105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และยอดขายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันที่ 3.1 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน

“ค่าเงินบาทแข็งค่าจะเป็นความเสี่ยงสำคัญที่จะทำให้ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรของ PTTEP เพราะเงินบาทแข็งค่า 1 บาท จะกระทบกำไรประมาณ 3%”

ด้านบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) พลิกจากขาดทุนสุทธิ 40.95 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 276.55 ล้านบาท หรือ 0.27 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นไปตามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) มีกำไรสุทธิ 691.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 612.53 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ กรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการประชุมนอกรอบในวันที่ 30 เม.ย.นี้ นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.มีเครื่องมือไว้รองรับหากทาง ธปท.ออกมาตรการเข้ามาควบคุมเพื่อรักษาค่าเงินบาทให้มีความเสถียรภาพกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งสิ่งที่ ตลท.ทำได้ในตอนนี้คือ แปลข้อความมาตรการว่ามีผลอย่างไร ถ้าออกมาในเชิงลบก็ต้องทำความเข้าใจกับนักลงทุนและโบรกเกอร์เพื่อที่จะได้สื่อสารไปในทางเดียวกัน

“เราไม่ได้อยู่เฉยๆ ก็ต้องรอดูว่าทางการจะมีเครื่องมืออะไรออกมา ต้องเข้าใจว่าตลาดหุ้นมีความผันผวน หากร่วงเกิน 100 จุด เราก็ใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ คือ หยุดทำการซื้อขายชั่วคราว 30 นาที เงินต่างชาติเข้ามาลงทุนในหุ้นน้อย ยังไม่ใช่จุดพีกที่เคยทำได้ ถ้านับเป็นยอดสุทธิ ถือว่าติดอยู่ เพราะเงินส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ตราสารหนี้มากกว่า” นายจรัมพร กล่าว