posttoday

คาด กนง. ประชุม 8 มิ.ย. นี้ ยังมีมติคงดอกเบี้ย 0.50%

05 มิถุนายน 2565

คาด กนง. ประชุม 8 มิ.ย. นี้ ยังมีมติคงดอกเบี้ย 0.50% ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ขณะที่ ยังมองความเป็นไปได้ที่ กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาส 4/2565

ศูนย์วิจัย กสิกรไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงทยอยฟื้นตัว ในขณะที่ต้องเผชิญปัจจัยกดดันจากเงินเฟ้อที่เร่งสูงขึ้นและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้กนง.มีแนวโน้มที่จะยังคงให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก และพิจารณาคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ในการประชุมที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีแม้จะชะลอลงจากปีก่อนหน้า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงอุปสงค์คงค้าง (pent-up demand) จากในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจจากเงินเฟ้อที่เร่งสูงขึ้น ซึ่งจะไปบั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีความเปราะบางอยู่แต่เดิมจากผลกระทบของโควิด-19 อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้การส่งออกในระยะข้างหน้าเผชิญความท้าทายมากขึ้น

ขณะที่ประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยน้อยกว่าที่ควร โดยในไตรมาส 2/2565 มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยจะหดตัวจากไตรมาสก่อนหน้าท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ ดังนั้น กนง. น่าจะยังคงพิจารณาคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมกนง. ที่จะถึงนี้

ในขณะที่ แม้ว่ากนง. จะเผชิญแรงกดดันมากขึ้นจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงตามค่าเงินในภูมิภาค

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่กนง. จะต้องรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ ท่ามกลางเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ดังนั้น คาดว่ากนง. คงพิจารณาตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจเป็นรอบๆ การประชุมไป โดยในรอบการประชุมกนง. ที่จะถึงนี้จะยังไม่พิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย

อย่างไรก็ดี หากเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาด และหากแรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศยังไม่ทุเลาลง ในขณะที่การท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัวได้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว กนง. ก็อาจจะพิจาณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายให้มีความเหมาะสมได้ โดยอาจจะดำเนินการปรับขึ้นครั้งละร้อยละ 0.25 จำนวน 1-2 ครั้งในช่วงปลายปี โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์

o ท่ามกลางเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่แม้ว่าจะมีทิศทางชะลอลง แต่ก็ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ประกอบกับการส่งสัญญาณของเฟดที่ยังคงให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเป็นหลัก ดังนั้น คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องอีก 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และก.ค. ตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้ ขณะที่ เฟดอาจมีการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งที่เหลือในปีนี้ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้คาดว่าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ณ สิ้นปีนี้ จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2.00-2.25% อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามคาด เงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่ชะลอตัวลง เฟดคงต้องขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ประเมิน

o ประเทศที่มีการดำเนินนโยบายการเงินสวนทางกับเฟดเผชิญแรงกดดันจากเงินทุนไหลออกและทิศทางค่าเงินที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในบรรดาประเทศในภูมิภาคเอเซีย สิงคโปร์และมาเลเซียได้มีการเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงินตามสหรัฐฯ ไปแล้ว โดยสิงคโปร์ได้มีการคุมเข้มนโยบายการเงินผ่านการกำหนดกรอบอัตราแลกเปลี่ยน (Policy Band) ขณะที่ มาเลเซียได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นประเทศแรกในอาเซียน โดยธนาคารกลางมาเลเซียมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.00% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา

o หากกนง. ยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยของไทยและประเทศอื่นๆ นั้นกว้างขึ้น ส่งผลให้ไทยมีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงกดดันจากเงินทุนไหลออกและทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งส่งผลให้กนง. อาจจำเป็นต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ามีความเป็นไปได้ที่กนง. อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 1-2 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มาอยู่ที่ระดับ 0.75-1.00% ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการเงินแบบตึงตัวของเฟดและเงินเฟ้อไทยที่คาดว่าจะยังทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้กนง. อาจให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจลดลงได้ อย่างไรก็ดี คาดว่ากนง. อาจยังไม่รีบส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะถึงนี้และเลือกที่จะพิจารณาตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจเป็นรอบๆ การประชุมไปทั้งนี้ ในการประชุมกนง. ครั้งนี้จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ซึ่งมีความเป็นได้ที่กนง. จะมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยจากทิศทางการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศที่มีแนวโน้มดีกว่าที่ประเมิน ในขณะที่มุมมองต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.9% อาจจะไม่เปลี่ยนแปลง