posttoday

บิ๊กตู่ไฟเขียวก่อหนี้เพิ่มไม่เกิน70% ของจีดีพี

20 กันยายน 2564

คลังแจงบิ๊กตู่ไฟเขียวก่อหนี้สาธารณะเพิ่มไม่เกิน 70% ของจีดีพี มั่นใจมั่นใจมีความสามารถชำระหนี้ได้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (20 กันยายน 2564) คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่มี พล. อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบให้มีการทบทวนกรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จากเดิมที่กำหนดไว้ ต้องไม่เกิน 60% เป็น ต้องไม่เกิน 70%

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้กับรัฐบาล และไม่เป็นอุปสรรคหากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อดำเนินนโยบายการคลังในระยะปานกลาง โดยยังคงมีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ดี

การทบทวนกรอบสัดส่วนการบริหารหนี้สาธารณะในครั้งนี้เป็นไปตามความในมาตรา 50 แห่ง พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้มีการทบทวนสัดส่วนต่างๆ อย่างน้อยทุกสามปี

ล่าสุด กระทรวงการคลัง รายงานหนี้สาธารณะของประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2564 มียอดหนี้จำนวน 8,909,063 ล้านบาท หรือ 55.59% ของจีดีพี ใกล้ระดับเพดานความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60% อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะไทยเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 ล้านบาท โดยยอดหนี้สาธารณะเดือนมิ.ย. 2564 อยู่ที่ 8,825,097 ล้านบาท หรือ 55.20% ของจีดีพี เป็นการเพิ่มทั้งจำนวนหนี้และสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563 ที่ผ่านมา

สำหรับหนี้สาธารณะเดือน ก.ค. 2564 ที่เพิ่มสูงขึ้น มาจากการกู้โดยตรงของรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ ทั้งการกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 2564 ที่มีกรอบการกู้อยู่ที่ 608,962 ล้านบาท และการกู้จาก พ.ร.ก.กู้เงินโควิดที่มีการกู้ไปแล้ว 817,726 ล้านบาท จากวงเงินกู้ทั้งหมด 1 ล้านล้านบาท และต้องกู้ภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ ซึ่งทำให้เสี่ยงเพดานหนี้สาธารณะจะเกินกรอบที่กำหนดไว้ 60%

อย่างไรก็ดี คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่มี พล. อ. ประยุทธ์ เป็นประธาน เห็นชอบขยายกรอบเพดานหนี้ไม่เกิน 70% ของจีดีพี เพื่อรองการกู้เงินจาก พ.ร.ก.โควิด 1 ล้านล้านบาทในส่วนที่เหลือทั้งหมด รวมถึงการกู้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินโควิด 5 แสนล้านบาท ซึ่งล่าสุดคณะรัฐฒนตรี (ครม.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน เห็นขอบการปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะครั้งที่ 3 โดยให้มีการกู้เงินจาก พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาท ภายในปีงบประมาณ 2564 จำนวน 1.5 แสนล้านบาท จากเดิม 1 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลยังต้อกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณอีก 7 แสนล้านบาท และกู้เงินจาก พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาท ในส่วนที่เหลือ 3.5 แสนล้านบาท ทั้งหมด ทำให้สัดส่วนเพดานหนี้สาธารณะที่คาดว่าสิ้นปีงบประมาณ 2564 จะอยู่ที่ 58% ของจีดีพี ทำให้ปีงบประมาณ 2565 หนี้สาธารณะจะเกิน 60% ของจีดีพี ทำให้รัฐบาลต้องขยายกรอบเป็น 70% ของจีดีพี