posttoday

วิกฤตการคลัง หนี้ประเทศพุ่ง เก็บรายได้ดิ่ง

02 กุมภาพันธ์ 2564

ฐานะการเงินของประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต เมื่อกู้เงินทำหนี้พุ่งไม่หยุด แต่การเก็บรายได้กลับสวนทางดิ่งดำดิน

น่าเห็นใจรัฐบาล "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ฉายาว่า รัฐบาลจอมกู้เงิน รัฐบาลดีแต่กู้ รัฐบาลคิดอะไรไม่ออกก็กู้เงิน แต่เรื่องการหารายได้กลับทำไม่เป็น และเก็บภาษีเพิ่มกลับทำไม่ได้

ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า รัฐบาลบิ๊กตู่โชคร้ายที่มาเจอพิษโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจไทยปีที่ผ่านมาติดลบ 6-7% และปีนี้ยังต้องลุ้นว่ะจะยืนขยายตัวบวกได้หรือไม่ ทำให้รัฐบาลบิ๊กตู่ตกอยู่ในมรสุมดังกล่าว

แต่อีกส่วนหนึ่ง รัฐบาลบิ๊กตู่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การกู้เงินทำหนี้พุ่ง แต่การเก็บรายได้กลับทรุดสวนทางกันอยู่ตอนนี้ มาจากฝีมือการบริหารงานเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วย จะโทษพิษโควิด-19 ทั้งหมดก็ไม่ได้

เมื่อดูหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือน 31 ธ.ค. 2563 ทะลุ 8.13 ล้านล้านบาท หรือ 52.13% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะไทยอยู่ที่ 7.92 ล้านล้านบาท หรือ 50.46% ของจีดีพี ยิ่งตอกย้ำว่า รัฐบาลบิ๊กตู่กู้แต่เงิน โดยหนี้สาธารณะเดือนล่าสุดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 2 แสนล้านบาท หรือ เกือบ 2 ของ จีดีพี

ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ รัฐบาลกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุล 3 เดือนแรกขอวปีงบ 2564 ไปแล้ว 3.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 1,195.2% และเป็นการกู้ขาดดุลครึ่งหนึ่งของวงเงินกู้ชดเชยขาดดุลที่ตั้งไว้ 6.08 แสนล้านบาท เพื่อเติมเงินคงคลังให้อยู่ระดับสูงที่ 4.73 แสนล้านบาท แต่เงินคงคลังก็ยังลดลงจากต้นปีงบประมาณ 2564 ประมาณ 1 แสนล้านบาท

มีการคาดกันว่า หนี้สาธารณะปีนี้จะทะลุ 9 ล้านล้านบาท จากวงเงินที่ต้องกู้ขาดดุลที่เหลืออีก 3 แสนล้านบาท และเงินกู้ พ.ร.ก.แก้ปัญหาโควิด-19 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ที่เหลือยังต้องกู้ในปีนี้อีก 5 แสนล้านบาท ซึ่งอาจทำให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีเกินกรอบความยั่งยืนการคลังที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60% ของจีดีพี

ยังคาดกันต่อไปอีกว่าหนี้สาธารณะจะทะลุ 10 ล้านล้านบาท ใน 1-2 ปี ข้างหน้า เพราะร่างงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งต้องกู้เงินชดเชยขาดดุลอีก 7 แสนล้านบาท เนื่องจากคาดว่าจะเก็บรายได้จำนวน 2.4 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ 2563 ถึง 10.35% หรือ กว่า 2 แสนล้านบาท

อีกทั้ง แผนการคลังระยะกลาง 4 ปี ตั้งแต่ปี 2565-2568 ต้องกู้ขาดชดเชยขาดดุลอีกปีละ 7 แสนล้าน รวมต้องกู้เงิน 2.8 ล้านล้านบาท

ในส่วนของการเก็บรายได้ของประเทศล่าสุด ก็ออกอาการไม่ดี โดยกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2564 (ต.ค.–ธ.ค.2563) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 5.15 แสนล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 3.99 หมื่นล้านบาท หรือ 7.2% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.22 หมื่นล้านบาท หรือ 15.2%

โดยการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร ต่ำกว่าประมาณการ 2.02 หมื่นล้านบาท และ 1.84 หมื่นล้านบาท หรือ 39.8% และ 5.0% ตามลำดับ

ภาวะดังกล่าว ทำให้น่ากังวลว่า การเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2564 จะมีปัญหาเหมือนปี 2563 ที่ผ่านมา ที่ต่ำกว่าเป้าหมายถึง 4 แสนล้านบาท ทำให้รายได้ไม่พอกับรายจ่าย แม้จะกู้ชดเชยขาดดุล 4.6 แสนล้านบาท ก็ยังไม่พอกับรายจ่าย ทำให้คลังต้องขอคณะรัฐมนตรี (ครม.) กู้เงินกรณีรายจ่ายมากกว่ารายได้อีก 2.14 แสนล้านบาท ซึ่งเต็มเพดานตามที่กฎหมายกำหนดไว้ว่า การกู้เพื่อชดเชยขาดดุล และการกู้เงินกรณีรายจ่ายมากกว่ารายได้ต้องไม่เกิน 20% ของงบประมาณ รวมกับ 80% ของต้นเงินชำระเงินกู้

สำหรับปีงบประมาณ 2564 น่าเป็นห่วงมากกว่า โดยมีวงเงินงบอยู่ที่ 3.3 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณแบบขาดดุล 6.32 แสนล้านบาท โดยหากจะกู้เงินกรณีรายจ่ายมากกว่ารายได้ รัฐบาลจะกู้เงินได้ประมาณ 1 แสนล้านบาท เท่านั้น หากต้องการเงินมากกว่านั้น รัฐบาลต้องออก พ.ร.ก. กู้เงินมาเติมงบประมาณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ในภาวะที่การระบาดของโควิด-19 รอบสองยังคุมไม่อยู่ รัฐบาลกู้เศรษฐกิจไม่ได้ ความเสี่ยงที่การเก็บรายได้ของรัฐบาลจึงสาหัสกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลหนีกู้เงินมาเพิ่มไม่ได้ ทำให้รัฐบาลบิ๊กตู่ถูกตำหนิอยู่ตลอดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า เป็นรัฐบาลนักกู้ตัวจริงไม่มีใครกล้าท้าชิง

ข่าวล่าสุด

นครชัยแอร์ ผนึก NEX ชิงดีลรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. 1,520 คัน มูลค่า 1.53 หมื่นล้าน