posttoday

คาดปีหน้าค่าเงินบาทไทยแข็งค่าแตะ29บาทต่อดอลล่าร์

01 ธันวาคม 2563

"กรุงศรีฯ" ฟันธงปีหน้าบาทแข็งหนัก หลุด 30 บาทต่อดอลล่าร์

นายตรรก บุญนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2564 ค่าเงินบาทไทยจะยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องในระยะยาว จากสิ้นปีนี้คาดว่าเงินบาทจะทรงตัวที่ระดับ 30 บาทต่อดอลล่าร์ ก่อนจะปรับตัวแข็งค่าทะลุระดับ 30 บาทต่อดอลล่าร์ แต่ไม่ทะลุ 29 บาทต่อดอลล่าร์ โดยประเมินว่ารัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมาตรการออกมาดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนรวดเร็วมากเกินไป พร้อมทั้งมองว่าในปีหน้า ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% ด้วย

ทั้งนี้ เงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้นเป็นผลมาจากเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากนายโจ ไบเดนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งมีนโยบายการบริหารประเทศที่ต่างจากประธานาธิบดีคนเดิม รวมทั้งคาดว่าจะมีการใช้มาตรการดอกเบี้ยต่ำ และมาตรการคิวอีอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยภายนอกดังกล่าวนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เงินบาทของไทยแข็งค่าอย่างมาก

นอกจากนี้ การระบาดของโควิด-19 ก็ยังเป็นอีกความเสี่ยงหนึ่งของค่าเงินบาทไทย ทำให้มีเงินทุนที่เข้ามาเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงของไทยอยู่ตลอดเวลา ทั้งในตลาดหุ้นและในตลาดพันธบัตร ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. ได้มีมาตรการออกมาดูแล มองว่าเป็นมาตรการที่เน้นการดูแลในระยะยาวเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเกินกว่าค่าเงินในภูมิภาค

โดยธนาคารกรุงศรีฯ คาดว่า ธปท. จะพยายามดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินกว่าระดับ 5-7% เมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค หากแข็งค่ามากกว่านี้เชื่อว่า ธปท. จะมีมาตรการระยะสั้นออกมาดูแลเพิ่มเติม แต่คงไม่มีมาตรการที่เป็นยาแรงออกมาแน่นอน โดยยอมรับว่า ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เงินบาทมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เกิดจากการตอบรับอย่างรวดเร็วจากนักลงทุนที่ตอบรับกับข่าวดีจากทั้งการเลือกตั้งของสหรัฐ และวัคซีนโควิด-19

"ขณะนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว จากมาตรการด้านการคลังที่ยังมีเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกมาก ประกอบกับปัจจัยจากต่างประเทศเรื่องผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และข่าวดีเรื่องวัคซีนโควิด-19 ทำให้มีเงินทุนที่เคยไหลออกไปอย่างรุนแรงในช่วงไตรมาส 2/2563 ได้ทยอยไหลกลับเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อย่างรุนแรง มีการเข้ามาลงทุนจำนวนมากทั้งในหุ้น พันธบัตร หรือแม้แต่หุ้นกู้ของภาคเอกชน ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท. รับไม่ได้จึงได้ออกมาตรการมาดูแล" นายตรรก กล่าว

นายตรรก กล่าวอีกว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ กระทบกับภาคการส่งออกของไทย เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนใหญ่ชินและยอมรับกับค่าเงินที่ระดับ 30-31 บาทต่อดอลล่าร์ เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ 29 บาทต่อดอลล่าร์ก็กระทบแน่นอน แต่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทิศทางเงินบาทจะยังแข็งค่าในระยะยาวอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาพบว่าผู้ประกอบการมีการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี เพราะรู้ว่าไม่สามารถนั่งรอให้เงินบาทอ่อนค่ากลับมาได้เหมือนในอดีต จึงต้องป้องกันความเสี่ยงไว้ก่อน

สำหรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล ถือว่าทำมาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของนโยบายการคลัง ยังมีเงินที่จะสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก แต่มีความเป็นห่วงในเรื่องภาคธุรกิจท่องเที่ยว ที่แม้จะใช้นโยบายการคลังเข้าไปช่วยเหลือจำนวนมาก แต่หากนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมาไทยไม่ได้ ก็จะทำให้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวช้า ในส่วนของนโยบายการเงิน เห็นว่า ธปท. ก็ทำหน้าที่ดูแลเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไปเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค

ในส่วนภาพรวมการลงทุนในปี 2564 ภาพรวมราบเรียบแต่ไม่ราบลื่น เพราะการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก สะท้อนจากดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับสูงกว่า 1,400 จุด ส่วนพันธบัตรแม้ว่าผลตอบแทนระยะสั้นจะต่ำ แต่ผลตอบแทนระยะยาวถือว่าสูงแล้ว ส่วนภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้และโรว์โอเวอร์หุ้นกู้เดิม