สั่งเร่งหาทางออกหนี้7ล้านล้านของผู้ประกอบการ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. พลังงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมศูนย์บริหารสถานการเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือ ศบศ ได้ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างหนี้ผู้ประกอบการที่ได้พักชำระหนี้จากสถาบันการเงินในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดการพักชำระหนี้ 31 ต.ค. นี้ ซึ่งมีการยอดเงินพักชำระหนี้ 7 ล้านล้านบาท เป็นลูกหนี้ 12.5 ล้านราย ว่าจะดำเนินการแก้ไขอย่างไรต่อหลังการพักชำระหนี้หมดลง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้วางกรอบแนวทางแก้ปัญหาตรงนี้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้ดำริย้ำให้ทุกภาคส่วน ได้แก่ ธปท. สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า สมาคมธนาคารไทย สมาคมตลาดทุน สมาคมโรงแรม ที่เป็นกรรมการอยู่ใน ศบศ. ให้นั่งหารือประชุมกันหาข้อสรุป ตกผลึกกันให้ได้ โดยให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้จบด้วยเร็ว

"เรายังมีความเชื่อมั่นความเข้มแข็งของสถาบันการเงินไทย และเรามีความเชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายพูดคุยกันจะมีความรวดเร็วในการแก้ปัญหาเกิดขึ้น ความเป็นห่วงของท่านนายกอยู่ที่จำนวนลูกหนี้ที่มีมากถึง 12.5 ล้านราย ก็อยากให้เรื่องนี้ได้ข้อสรุป และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะได้เดินหน้าต่อไป" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในฐานะเลขา ศบศ. ได้รายงานให้ที่ประชุม ศบศ. ทราบว่า มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธปท. ประกอบด้วย 3 ระยะที่สำคัญ ดังนี้

(1) การเยียวยาช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย SMEs Corporate ได้แก่ ลูกหนี้รายย่อย รวมมูลค่า 3.84 ล้านล้านบาท จำนวน 10.97 ล้านบัญชี ลูกหนี้ SMEs รวมมูลค่า 2.14 ล้านล้านบาทจำนวน 1.12 ล้านบัญชี และลูกหนี้ corporates รวมมูลค่า 0.92 ล้านล้านบาท จำนวน 37,114 บัญชี

(2) สถาบันการเงินติดตามดูแลลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยให้ติดต่อลูกหนี้ไปเยี่ยมกิจการ เพื่อประเมินผลกระทบรวมทั้งจัดทำช่องทางให้ลูกหนี้แจ้งสถานะและความประสงค์ในการรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นต้น

(3) การเตรียมมาตรการรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจในระยะต่อไป โดยลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายรายสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ DR BIZ ซึ่งเป็นระบบ one stop service ให้ลูกหนี้ได้ติดต่อเจ้าหนี้เพื่อแก้ไขหนี้เดิม และมีโอกาสได้สินเชื่อใหม่