posttoday

รวมใจเกียร์ว่าง จ่ายเบี้ยคนแก่-พิการ สะดุด

14 กันยายน 2563

การจ่ายเบี้ยคนแก่ คนพิการ เดือนต.ค. ไม่ได้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลที่ยิ่งแก้ตัวยิ่งมัดแน่นว่า การทำงานของรัฐบาลบกพร่อง

การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยยังชีพผู้พิการ ไม่ทันวันที่ 10 ก.ย. โดยต้องเลื่อนจ่ายออกไปเป็นภายในวันที่ 22 ก.ย. 2563 จะมีปัญหาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ได้สะท้อนว่าการทำงานของรัฐบาลขณะนี้ไม่เป็นกระบวนท่า

การจ่ายเงินดังกล่าวไม่ทันเผ็ดร้อน ถึงขนาดฝ่ายค้านนำไปโจมตีว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตก แต่รัฐบาลห่วยแตก เหมือนเป็นคมมีดที่บาดหัวใจรัฐบาล

การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และคนผู้พิการ มี 3 หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ได้แก่ กรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น (สถ.) เจ้าของเรื่องที่ดูแลคนแก่คนพิการ กรมบัญชีกลาง ตัวกลางในการจ่ายเงินให้คนแก่คนพิการ และสำนักงบประมาณ ที่เป็นผู้จัดสรรงบประมาณให้คนแก่คนพิการ

เหตุการณ์โยนชิ่งหนี กันเกิดขึ้นทันที เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา เมื่อคนแก่ และคนพิการ ไปกดเงินเบี้ยยังชีพแล้วไม่มีเงินเข้า

กรมบัญชีกลาง แจงว่า จ่ายเงินไม่ได้ เพราะ สถ. โอนเงินมาให้ไม่พอ

ด้าน สถ. ก็แก้ต่างว่า เงินมีแต่อยู่ระหว่างประสานกับสำนักงบประมาณ เพื่อนำมาจ่ายคนแก่คนพิการ นอกจากนี้ความล่าช้ายังเกิดจากคนแก่ คนพิการ เพิ่มมากขึ้น และตายช้าลง ทำให้เงินที่เตรียมไว้ไม่พอจ่าย ไม่ใช่รัฐบาลถังแตก

ขณะที่สำนักงบประมาณ ก็ออกมาบอกว่า การหาเงินจ่ายคนแก่ คนพิการ เป็นเรื่องการโยกงบของ สถ. ไม่ต้องมาขออนุมัติ จากสำนักงบประมาณ

จะเห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ประสานงานกันแก้ปัญหา และยังพยายามโยนเผือกร้อนให้พ้นจากตัวเองเสียอีก ไม่สมกับคำขวัญของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้รวมไทยสร้างชาติ แต่นี้รวมใจกันเกียร์ว่าง ทำให้การจ่ายเบี้ยคนแก่ คนพิการมีปัญหา

ข้อมูลปัจจุบันพบว่ามีคนแก่รับเบี้ยยังชีพ 8.76 ล้านคน คนพิการอีก 1.83 ล้านคน รวมเป็นเงินที่ต้องจ่ายต่อเดือน 5,200 ล้านบาท ประเด็นคือปีงบประมาณ 2563 จ่ายมาได้ 11 เดือน ไม่มีปัญหา ทำไมมามีปัญหาเดือนสุดท้าย และทั้ง 3 หน่วยงานไม่รู้หรือว่ามีปัญหาดังกล่าว และหากรู้ได้ทำการแก้ไขเรื่องนี้ขนาดไหน

มีการรายงานว่า เงินจ่ายเบี้ยคนแก่ และคนพิการ ในเดือน ก.ย. ขาดไป 2,400 ล้านบาท เป็นเบี้ยคนแก่ 1,700 ล้านบาท และเบี้ยคนพิการ 700 ล้านบาท ซึ่งทั้ง สถ. กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ รู้มาแต่เดือน ส.ค. แล้วว่าเงินไม่พอ แต่ไม่รวมใจกันแก้ไข จึงเกิดเป็นปัญหาทำรัฐบาลยับเยินอย่างทุกวันนี้

ต้นปีงบประมาณ 2563 สำนักงบประมาณตัดงบเบี้ยคนแก่ และ คนพิการ ไป 3,000 ล้านบาท เพื่อไปใช้โครงการอื่นก่อน ก็น่าจะรู้ดีว่างบที่จ่ายเบี้ยยังชีพให้คนแก่ และคนพิการ มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่พอจ่าย

กรมบัญชีกลางก็รู้เรื่องนี้ตั้งแต่เดือน ส.ค. มีการรายงานถึงผู้บริหารสูงของกรม แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร โดยโยนเรื่องให้เป็นหน้าที่ของ สถ. จัดการแก้ปัญหา

ขณะที่ สถ. เองที่เป็นเจ้าของเรื่อง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องรับความผิดความชอบนี้ไปแบบเต็มๆ เพราะเป็นเจ้าของเรื่องเห็นปัญหาอยู่ตำตาต้องใส่เกียร์ห้าแก้ปัญหานี้ให้ไม่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำจนเกิดเป็นปัญหารัฐบาลก้นร้อนนั่งไม่ติด

สุดท้าย เมื่อทั้ง สถ. กรมบัญชีกลาง และ สำนักงบประมาณ คุมความเสียหายจากการไม่รวมใจแก้ปัญหานี้ได้ ทำให้รัฐบาลต้องโดดลงมาแก้ตัวเอง

ล่าสุด รัฐบาลออกมาแก้ต่างว่า การจ่ายเบี้ยคนแก่ และ คนพิการช้า เพราะมียอดเพิ่มจากที่ประเมินไว้ถึง 4 แสนคน ทำให้จ่ายไม่ทันเงินไม่พอ ซึ่งไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะไม่มีใครเชื่อเป็นต้นตอปัญหาที่แท้จริง การเพิ่มขึ้นของคนแก่คนพิการมีจริง แต่ก็เป็นการเพิ่มขึ้นทุกๆ เดือนสะสมกันมา ไม่ได้กระโดดมาเดือนสุดท้ายเดือน ก.ย. ทีเดียว 4 แสนคน จนทำให้เงินจ่ายไม่พอ

เรื่องการจ่ายเบี้ยคนแก่ และคนพิการ จึงเป็นบทเรียนราคาแสนแพงของรัฐบาล ในยามที่ความน่าเชื่อถือเหลือไม่มาก การเกิดเรื่องที่ไม่ควรเกิดทำให้คะแนนแถบจะติดลบดิ่งเหมือนจีดีพีประเทศไทยที่คาดว่าปีนี้จะติดลบ 8-10%

การจ่ายเงินคนแก่ คนพิการ ช้าเป็นเรื่องใหญ่ เงิน 600-1,000 บาท เป็นเงินมากมีค่าสำหรับการยังชีพให้อยู่รอด การต้องได้เงินล่าช้าออกไปถึง 12 วัน จากวันที่ 10 ก.ย. เป็น 22 ก.ย. ถือว่านานจนไม่น่าให้อภัย

ลองนึกภาพดูแล้วกัน หากเป็นข้าราชการของ สถ. กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ ได้เงินเดือนช้าไป 12 วัน เพราะรัฐบาลถังไม่แตกแต่ไม่มีเงินจ่าย ท่านจะรู้สึกอย่างไร และท่านจะบอกอะไรกับนายกรัฐมนตรีผู้นำและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของประเทศ?