ความเชื่อมั่นธุรกิจดีขึ้นแต่ยังต่ำกว่า50

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนสิงหาคม 2563 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 42.9 มาอยู่ที่ 45.7 โดยปรับดีขึ้นจากภาคการผลิตเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม แม้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจมีสัญญาณฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ดัชนีฯ ยังต่ำกว่าระดับ 50

สำหรับในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 50.9 ซึ่งมากกว่าระดับ 50 ได้เป็นครั้งแรกหลังการระบาดของ COVID-19 สะท้อนความเชื่อมั่นว่าแนวโน้มธุรกิจจะดีขึ้นกว่าปัจจุบัน

ในเดือนสิงหาคม 2563 ดัชนีฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 มาอยู่ที่ระดับ 45.7 จากทิศทางของความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นของเกือบทุกธุรกิจในภาคการผลิตเป็นสำคัญนำโดยกลุ่มผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงกลุ่มผลิตยานยนต์ที่ได้อานิสงส์จากการทำโปรโมชั่นและการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในระยะที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ดัชนีฯของภาคที่มิใช่การผลิตค่อนข้างทรงตัวจากเดือนก่อน โดยกลุ่มรงแรมและร้านอาหารปรับดีขึ้น คาดว่าเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ขณะที่ความเชื่อมั่นของกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ลดลงหลังจากที่ปรับดีขึ้นมากในเดือนก่อน

ทั้งนี้ แม้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจมีสัญญาณฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ดัชนีฯ ยังต่ำกว่าระดับ 50 และต่ำกว่าก่อนการระบาดของ COVID-19

ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 48.6มาอยู่เหนือระดับ 50 ได้เป็นครั้งแรกหลังการระบาดของ COVID-19 สะท้อนความเชื่อมั่นว่าแนวโน้มธุรกิจจะเริ่มปรับดีขึ้นจากปัจจุบัน

โดยดัชนีฯ ปรับดีขึ้นทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต และเป็นการเพิ่มขึ้นจากเกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะด้านการผลิตและคำสั่งซื้อ นำโดยกลุ่มผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ที่ดัชนียืนอยู่เหนือระดับ 50 ได้เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

รวมถึงผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ และผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นมากในเดือนนี้สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิตที่ฟื้นตัวค่อนข้างดี

สำหรับภาคที่มิใช่การผลิต ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกธุรกิจเช่นกัน ยกเว้นกลุ่มก่อสร้าง ที่ดัชนีฯ ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากองค์ประกอบด้านปริมาณงานก่อสร้างเป็นสำคัญ ส่วนหนึ่งจากการชะลอการเปิดโครงการใหม่ของกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ดัชนีความเชื่อมั่นด้านอื่นๆ ดัชนีฯ ด้านสภาพคล่องทั้งปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าค่อนข้างทรงตัวอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงกังวลต่อปัญหาสภาพคล่อง ส่วนหนึ่งจากการที่ไม่ได้รับสินเชื่อเพียงพอตามต้องการและนโยบายการพักชำระหนี้ที่กำลังจะสิ้นสุดลง

สัดส่วนของผู้ประกอบการที่มีความกังวลด้านกำลังซื้อในประเทศปรับเพิ่มขึ้นมาก และการแข่งขันจากตลาดในประเทศเป็นข้อจำกัดที่ รุนแรงขึ้นในเดือนนี้ สำหรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอีก 12 เดือนข้างหน้าค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงเดือนก่อน