posttoday

“JCB” ปรับเกมสู้วิกฤตโควิด -19 ลุยตลาดออนไลน์

04 มิถุนายน 2563

JCB มองเห็นโอกาสใหม่ในตลาดบัตรเครดิต จากผู้บริโภครายใหม่ จับจ่ายสูงสุด ในหมวด Food delivery โตทะลุ 400%

“JCB” ปรับเกมสู้วิกฤตโควิด -19 ลุยตลาดออนไลน์

นาย เรียว โมริตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตครึ่งปีแรก 2563 คาดว่ายอดใช้จ่ายโดยรวมจะหดตัวลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก โดยเฉพาะในหมวดที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว

ขณะเดียวกันมองว่าพฤติกรรมการใช้เงินของผู้บริโภคก็มีการเปลี่ยนแปลง คือ ผู้บริโภคใช้เงินสดน้อยลง ให้ความสนใจกับระบบชำระเงินแบบลดการสัมผัส (Touchless/Contactless) มากขึ้น ใช้ระบบ QR ในการจ่ายเงินแทนการยื่นการ์ด

"จากวิกฤติโควิด-19 ในประเทศไทยและทั่วโลก เราได้เห็นคนอยู่บ้านกันเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาพรวมการใช้จ่ายในบางกลุ่มธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าสนใจ เช่น ตลาดอีคอมเมิร์ซและกลุ่มฟู้ดเดลิเวอรี ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 100% ทาง JCB จึงมีการปรับแผนเพื่อออกมารองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในส่วนนี้”

สำหรับสถานการณ์โควิด19 ประเมินไว้ว่าอีกประมาณ 1 ปี ที่คนจะกลับมาใช้จ่ายเหมือนเดิม หลังจากนี้ JCB ต้องดูสถานการณ์หากดีขึ้น เราคงต้องกลับไปทบทวนแผนการตลาด สำหรับการใช้จ่ายด้านออฟไลน์ เพื่อช่วยเหลือหน้าร้านมากขึ้น ส่วนเป้าหมายในปีนี้ เราตั้งเป้าอยากให้บัตร JCB ในตลาดประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 15%

นายนพดล คูห์วัฒนศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า JCB ได้จัดทำแคมเปญ เกี่ยวกับฟู้ดเดลิเวอรี่ มากขึ้น คือให้ส่วนลดหรือแคชแบ็คกับทางลูกค้าเป็นหลัก เพื่อเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระลูกค้าในช่วงที่ยากลำบากนี้ อีกทั้งยังเป็นการจูงใจให้ลูกค้าใช้ฟู้ดเดลิเวอรี่มากขึ้น

สำหรับ สิทธิพิเศษที่ลูกค้าบัตร JCB จะได้รับตอนนี้คือ Grab Food ลูกค้าสั่งซื้อ 300 บาท ได้รับสิทธิพิเศษส่วนลด 80 บาท ของ LINE MAN จะเป็นการสะสมยอดเมื่อลูกค้าใช้ในหนึ่งรอบเดือนเกิน 500 บาท จะได้แคชแบ็คหรือเงินเข้ากระเป๋า 100 บาท ส่งผลให้ยอดขายหมวดฟู้ดเดลิเวอรี่ของ JCB โตสูงกว่า 400% และจำนวนผู้ใช้รายใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเทียบเท่า 300% เมื่อเทียบกับตัวเลขก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19

ส่วนเรื่องของออนไลน์ช้อปปิ้งเรามีทั้ง Lazada กับ Shopee ที่เป็นพาร์ทเนอร์โดยตรง ซึ่งของ Lazada เรามีแพลตตินั่มเซอร์วิสอยู่แล้ว ทุกวันพุธ เมื่อซื้อครบ 1,800 บาทขึ้นไป ได้ส่วนลด 12% ส่วนของ Shopee เราร่วมกันในลักษณะของบิ๊กแคมเปญเช่นกัน ส่งผลให้ยอดขายเติบโตสูงมากถึง 9 เท่า เมื่อเทียบกับยอดขายปกติในช่วงของวันที่จัดโปรโมชั่นพิเศษ

ส่วนอีวอลเล็ททั่วไปยังมี Dolfin E-Wallet ของกลุ่มเซ็นทรัลซึ่งตอนนี้เราทำมารอบที่ 2 แล้วครับ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา คือถ้าใช้จ่ายครั้งละ 300 บาทขึ้นไป ก็จะได้ Dolfin Bonus กลับคืน 50 บาท โดยในครั้งนี้ลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์นี้เมื่อใช้ช้อปปิ้งออนไลน์กับ JD Central อีกด้วยครับ”