คลังยันทุ่ม1.7ล้านล้านฟื้นฟูเศรษฐกิจเฟส3
คลังเตรียมชง ครม. ออกมาตรการสู้โควิด-19 ชุดที่ 3 สัปดาห์นี้ ยันใช้เงิน 1.7 ล้านล้านบาท
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ว่า เมื่อวันที่3 เม.ย. 2563 มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้นำเสนอมาตรการกรณีดังกล่าวเป็นชุดที่ 3 ต่อเนื่องจาก 2 ชุดที่ผ่านมา
สำหรับมาตรการดูแลชุดที่ 3 ดังกล่าว จะเน้นให้ความสำคัญในการช่วยเหลืออย่างครอบคลุมในทุกมิติ ภายใต้ระยะเวลา 6 เดือนต่อจากนี้ ประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก คือ
1. มาตรการเยียวยาภาคประชาชน และภาคธุรกิจ ในส่วนที่ยังขาดเพื่อให้ครอบคุลมครบถ้วน โดยจะเริ่มดูแลกลุ่มเกษตรกร ที่ยังไม่ได้รับการดูแล การให้ความดูแลต่อเนื่องในกลุ่มผู้ประกอบการ แรงงาน อาชีพอิสระ ลูกจ้างชั่วคราว เช่น ลดภาระด้านสินเชื่อในส่วนของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร เป็นต้น
2. มาตรการดูแลโครงสร้างและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจหยุดชะงักใน 3-4 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะการดูแลเศรษฐกิจฐานราก เนื่องจากการที่แรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนาของตัวเอง อาจจะทำให้การประกอบอาชีพเปลี่ยนไป จึงต้องดูแลคนกลุ่มนี้ในทันที เช่น การเสริมสร้างอาชีพ โอกาส ทักษะใหม่ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจภายในประเทศไปพร้อมกัน
3. มาตรการดูแลภาระด้านการเงินให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอ โดยเป็นไปตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำเสนอ ที่จะขอออก พ.ร.ก. ให้สามารถปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน (Soft Loan) ได้โดยตรงให้เอสเอ็มอี รวมทั้งสามารถซื้อตราสารหนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับให้กับตลาดตราสารหนี้ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจ
ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้ในมาตรการชุดที่ 3 คาดว่าจะมีวงเงินประมาณร้อยละ 9-10 ของจีดีพี และไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาจากการกู้ทั้งหมด แต่จะให้สำนักงบประมาณบริหารจัดการภายใต้งบประมาณปี 2563 เป็นหลัก หากจำเป็นต้องเพิ่มเติม จึงจะใช้วิธีการกู้ยืม และจะเป็นการกู้ภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้ระบบสถาบันการเงินภายในประเทศยังมีความเข้มแข็ง
โดยมาตรการในชุดที่ 3 นี้จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระต่อไป
ทั้งนี้ปัจจุบัน มูลค่าจีดีพีของเศรษฐกิจ ตามข้อมูลของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อยู่ที่ประมาณ 17 ล้านล้านบาท หากต้องใช้เงิน 9-10% ดูแลเศรษฐกิจระยะที่ 3 ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท