สศช.หั่นจีดีพีปีนี้เหลือโต2%
เศรษฐกิจไม่ดีจริง สศช. คาดปีนี้โอกาสทรุดถึง 1.5% หลังปี 2562โต 2.4%
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 4/62 ขยายตัว 1.6% ขณะที่ภาพรวมของปี 62 ขยายตัว 2.4%
สาเหตุที่เศรษฐกิจไทยย่อตัวลงมาจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ได้แก่ ผลกระทบสงครามการค้าและการส่งออกที่ลดลง ขณะที่งบประมาณรายจ่ายปี 63 ล่าช้า เกิดปัญหาภัยแล้ง และเงินบาทแข็งค่า
ส่วนในปี 63 คาดว่า GDP จะขยายตัว 1.5-2.5% ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2.7-3.7% โดยมีปัจจัยหลัก คือ การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ปัญหาภัยแล้ง และความล่าช้าของงบประมาณฯ ปี 2563
นายทศพร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 ชะลอตัวลงจากปี 2562 ตามข้อจากัดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ปัญหาภัยแล้ง และความล่าช้าของงบประมาณ แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนจาก
(1) การปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจและการค้าโลกตามการลดลงของแรงกดดันจากมาตรการกีดกันการค้าและความเสี่ยงจาก การแยกตัวของสหราชอาณาจักรแบบไร้ข้อตกลง (2) การขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจของ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ
(3) แรงขับเคลื่อนจากมาตรการภาครัฐ
(4) ฐานการขยายตัวที่ต่าในไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัว 1.4% การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัว 3.5% และ 3.6% ตามลาดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.4 – 1.4% และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 5.3% ของ GDP
นายทศพร กล่าวว่า ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงปี 2563 ควรให้ความสาคัญกับ
(1) การประสานนโยบายการเงินการคลัง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในครึ่งปีแรก และสนับสนุนการฟื้นตัว และการขยายตัวในครึ่งปีหลัง
(2) การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวให้สามารถกลับมาขยายตัวในครึ่งปีหลัง โดยมีจานวนและรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีไม่ต่ากว่า 37.0 ล้านคน และ 1.73 ล้านล้านบาท ตามลาดับ โดยให้ความสาคัญกับ
1. การยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าปรับให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส
2. การรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวไทยหันมาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
3. การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี
4. การพิจารณาวันหยุดเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีแรก โดยไม่กระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจ
5. การติดตามขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว
(3) การขับเคลื่อนการส่งออกให้สามารถกลับมาขยายตัวได้ไม่ต่ากว่า 2.0% (ไม่รวมทองคา) โดย
1. การขับเคลื่อนแผนการส่งออกปี 2563
2. การให้ความสาคัญกับการส่งออกสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากการเบี่ยงเบนทางการค้า และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของไวรัส
3. การให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตและการค้าไทย-จีน
4. การเร่งรัดการเจรจาความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สาคัญๆ
(4) การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ โดยการเร่งรัดการเบิกจ่ายเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ 2563 งบประมาณเหลื่อมปี และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจไม่ต่ากว่า 91.2% 70.0% และ 75.0% ตามลาดับ
(5) การสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุน การขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน โดย
1. การติดตามและขับเคลื่อนมาตรการเพื่อสนับสนุนการลงทุน
2. การขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
3. การเร่งรัดการเจรจาความร่วมมือทางการค้าที่สาคัญ ๆ
4. การแก้ไขปัญหาอุปสรรคการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการต่างชาติ
(6) การดูแลผู้มีรายได้น้อย ผู้ได้รับผลกระทบจาก ภัยแล้ง การลดลงของจานวนนักท่องเที่ยว และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสาคัญกับ
1. กลุ่มเกษตรกรที่ทางานในภาคบริการในช่วงนอกฤดูกาลเพาะปลูกและฤดูกาลเก็บเกี่ยว
2. กลุ่มพนักงานในสาขาการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง
3. กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs
4. การเร่งรัดเบิกจ่ายเงินชดเชย และการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และ
5. การบริหารจัดการน้ำ