แรงซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี-Window Dressing ความหวังดัน SET ก่อนสิ้นปี
SET แกว่งไซด์เวย์/รีบาวด์ รับความหวังแรงซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี และ Window Dressing ก่อนสิ้นปี กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ KTB และ CPALL
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นไทย (SET) มีความหวังปรับตัวขึ้นช่วงสิ้นปี โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากแรงซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี และการทำ Window Dressing
- สถิติย้อนหลัง 5 ปี สนับสนุนแนวโน้มเชิงบวกจาก January Effect ซึ่งดัชนีมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกในสัปดาห์แรกของปีใหม่
- บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินว่า SET มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1250-1320 จุด จากปัจจัยหนุนตามฤดูกาลดังกล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า ตลาดแกว่งไซด์เวย์/รีบาวด์ คาดปริมาณการซื้อ-ขายยังเบาบางต่อ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ดีขึ้นหลังประกาศหยุดยิง 72 ชั่วโมง ในขณะที่มาตรการคุมบาทแข็งของ ธปท.ช่วย ชะลอการแข็งค่าช่วงสั้นบ้าง โดยแรงซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี และ Window Dressing ยังเป็นความหวัง และสถิติ 5 ปีที่ผ่านมา ชี้ว่าผลตอบแทน SET ในสัปดาห์แรกของต้นปีให้ผลตอบแทนเป็นบวก ทางเทคนิค หากพักสั้นเพื่อขึ้นไม่ควรหลุดต่ำกว่า 1260-1257 อีกแล้ว มีแนวต้านที่ 1270/1275
ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1250-1320 จุด โดย บรรยากาศลงทุนมีปัจจัยหนุนเชิงฤดูกาลจากแรงซื้อโค้งสุดท้ายปลายปี จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG และการทำ Window Dressing อีกทั้งยังมีแรงหนุนจาก January Effect ซึ่งจากสถิติย้อนหลัง 5 ปี (2564-2568) พบว่า ช่วงสัปดาห์แรกของวันทำการหลังปีใหม่ SET จะปรับขึ้น โดยให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยราว 1.3% ด้วย Win Rate 60% สะท้อนพฤติกรรมการกลับเข้าลงทุนของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหลังพันวันหยุดยาว ขณะเดียวกันมองตลาดจะเริ่มให้น้ำหนักกับปัจจัยการเมืองในประเทศมากขึ้น รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองหลัก ส่วนปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตามซึ่งอาจมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้น ได้แก่ FOMC Minutes และข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐในเดือน ธ.ค.
ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ "Selective Buy" ใน 3 ธีมหลัก และ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1.หุ้น Defensive ส่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาดไตรมาส 4/2568 กำไรยังเดิมโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT
2.หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดไห้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 68 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศ จ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI
3.หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าอีก 2 ครั้ง อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลงตามภาระหนี้สิน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลงหรือกำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
4.Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จาก January Effect โดยเน้นเลือกหุ้น SETHD และ SET ซึ่งจากสถิติ 5 ปีล่าสุดพบให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงราว 1.5-2.0% ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังเปิดปีใหม่ ด้วย Win Rate 80% แนะนำ KTB BBL AP THANI KBANK และ 2) หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และ/หรือ ความคาดหวังเชิงบวกกจากเชื่อมโยงกับนโยบายของพรรคการเมือง อาทิ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL TNP) กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (GFPT CBG OSP) กลุ่มสินเชื่อ (SAWAD TIDLOR) และกลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW)
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ KTB มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการเป็นธนาคารที่มีการเติบโตของสินเชื่อใน พ.ย. สูงสุดในกลุ่ม +2.2% MoM จากทั้งภาครัฐและธุรกิจ ให้ปันผลสูง คาดปี 2568-2570 อยู่ที่ราว 2.15-2.35 บาท/หุ้น หรือ Div. Yield ราว 7.6-8.3% มีความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ และมีโอกาสจะประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน เป้าหมายระยะสั้นที่ 29.50 บาท
CPALL ปัจจัยกระตุ้นจากเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจช่วงหาเสียงเลือกตั้งและคาดจะเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในกลุ่มที่กำไรมีแนวโน้มเติบโต YoY ในไตรมาส 4/2568 จากยอดขาย CVS แข็งแกร่งและมาร์จิ้น CVS กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ ธ.ค.นี้ เป็นต้นไป เป้าหมายระยะสั้น 45.50 บาท


