posttoday

"ผู้จัดการตลท."เชื่อตลาดหุ้นไทยแกร่งฟื้นตัวเร็วหลังเจอปัจจัยเสี่ยง

06 กุมภาพันธ์ 2563

"ภากร ปีตธวัชชัย" มั่นใจตลาดหุ้นไทยแกร่ง ฟื้นไข้เร็วหลังเจอปัจจัยเสี่ยง มีหุ้นดีให้ผลตอบแทนสูงน่าลงทุนอีกมาก

นายภากร ปีตธวัชชัย ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวปาฐกถาเรื่อง "ตลาดทุนไทย2020" ระหว่างงานครบรอบ 17 ปี โพสต์ทูเดย์ ว่า สภาวะตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบันมีความแข็งแกร่ง สามารถฟื้นตัวจากเหตุการณ์ต่างๆ ได้ภายในเวลาอันสั้น ที่ผ่านมาเคยเจอปัญหาเหมือนการระบาดไวรัสโคโรนา แต่ตลาดหุ้นไทยที่เจอความเสี่ยงต่างๆ ก็จะใช้เวลาในการฟื้นตัวไม่เกิน 10 เดือน

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้เร็วเพราะว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยดี หนี้สาธารณะต่ำ สามารถนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกมาก ส่วนด้านตลาดการเงิน รัฐบาลกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ สถาบันการเงินเข้มแข็ง มีเงินกองทุนสูง มีหนี้เสียต่ำ มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง จะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้รวดเร็ว

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา มีผลตอบแทนที่ 11% มีความผันผวน 14% ปัจจุบันมีผลตอบแทนที่ 4% มีความผันผวน 11% จะเห็นว่าผลตอบแทนต่ำลง ขณะเดียวกันความเสี่ยงก็ลดลงด้วย ดังนั้นการวางแผนลงทุนต้องมีการกระจายความเสี่ยงดีๆ

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยมีความหลากหลายการลงทุนหุ้นในหลายภาคอุตสาหกรรม ทั้ง พลังงาน อุตสาหกรรม และตลาดการเงิน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้มีการระดมทุนเพิ่มขึ้น มีผลตอบแทนที่ดี บางครั้งเศรษฐกิจโต 3% แต่ผลตอบแทนในตลาดหลักทรัพย์สูงถึง 10%

นายภากร กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์มีสภาพคล่องสูงที่สุดในอาเซียนมาตั้งแต่ปี 2012 มีปริมาณการซื้อขายมากกว่าสิงคโปร์ 2 เท่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย 3 เท่า ฟิลิปปินส์ 10 เท่า นอกจากนี้ยังมีหุ้นใหม่ ๆ ที่เข้ามาจดทะเบียนมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะเดียวกับสภาพคล่อง ปีที่ผ่านมามีปริมาณการระดมทุนมากกว่า 3 พันล้านเหรียญ

"ผู้จัดการตลท."เชื่อตลาดหุ้นไทยแกร่งฟื้นตัวเร็วหลังเจอปัจจัยเสี่ยง

นอกจากนี้ การระดมทุนในตลาดรองมีจำนวนมาก และมีการระดมทุนในตลาดต่าง ๆ ทำให้มีความหลากหลาย นอกจากนี้หุ้นไทยยังมีหลักทรัพย์ที่หลากหลาย สร้างโอกาสการลงทุนในสถานการณ์ที่โลกผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง มีหุ้นที่ให้ความสำคัญเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน หุ้นที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นแนวทางในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจึงมีความหลากหลาย

นายภากร กล่าวว่า 200 กว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีการลงทุนในต่างประเทศ และมีสัดส่วนรายได้จากส่วนสูงถึง 40% โดยมี 35 บริษัทไปลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมาก ทำให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกที่จะลงทุนในบริษัทกลุ่มนี้ได้

ปัจจุบันยังมีกองทุนโครงสร้างพื้่นฐานถึง 8 กองทุน ที่ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ มีผลตอบแทนที่สูงให้กับนักลงทุน ตั้งแต่ระดับ 2-10% สูงกว่าเงินฝากธนาคาร นอกจากนี้ยังมีกำไรจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุนที่ขายได้ด้วย

"มีกลุ่มบริษัทแชมป์เปี้ยนของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา แต่ยังมีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น AOT BDMS CPN MINOR แม้ว่าตลาดจะมีความไม่แน่นอน แต่หุ้นดังกล่าวจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและให้ผลตอบแทนที่ดี" นายภากร กล่าว

"ผู้จัดการตลท."เชื่อตลาดหุ้นไทยแกร่งฟื้นตัวเร็วหลังเจอปัจจัยเสี่ยง