posttoday

"สมคิด" ยันเศรษฐกิจไทยผ่าน 5 มรสุมร้าย

06 กุมภาพันธ์ 2563

"สมคิด" วอนทุกฝ่ายต้องช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มักน้อยเข็นจีดีพีปีนี้โตถึง 2% ก็พอใจแล้ว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในงานฉลองครบรอบ 17 ปี โพสต์ทูเดย์ หัวข้อ ถอดรหัสเศรษฐกิจปี 2020 ว่า ตั้งแต่มีการเลือกตั้งมาถึงวันนี้ นับเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เศรษฐกิจประเทศไทยเจอมรสุมหลายลูก รัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นกลัว อยากให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะผ่านไปได้

โดยมรสุมลูกแรกที่ประเทศไทยต้องเจอ คือการตั้งรัฐบาลล่าช้ากว่า 7 เดือน ระหว่างนั้นต้องเป็นรัฐบาลรักษาการ 11 กระทรวง ทำให้การขับเคลื่อนงบประมาณมีความยากลำบาก เพราะข้าราชการและหน่วยงานก็จะรอว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลใหม่ ทำให้ตัวเลขการลงทุนชะลอตัวอย่างมาก

สำหรับมรสุมลูกที่ 2 คือเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่ส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยอย่างชัดเจน โดยทุกประเทศโดนหมด แต่ประเทศไทยโดนหนักกว่า เพราะมีการส่งออกในอุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เคมิคอล ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศก็อ่อนแอ เกษตรกรมีรายได้น้อยและยากจน ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ต้องสร้างความสมดุลในการพึ่งพาเศรษฐกิจต่างประเทศและในประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจโตได้อย่างมีเสถียรภาพ

"เศรษฐกิจไทยไม่ได้ถดถอย แต่ต้องสร้างความสมดุลของเศรษฐกิจทั้งภายนอกและภายในประเทศ ซึ่งผมทำมาตลอด หากไม่ทำ วันนี้เศรษฐกิจโลกตก เศรษฐกิจไทยจะแย่กว่านี้ อย่างประเทศสิงคโปร์ จีดีพีโตได้ 1% แย่กว่าไทยที่เติบโตได้ 2% ก็ถือว่าดีแล้ว" นายสมคิด กล่าว

ขณะที่มรสุมเศรษฐกิจลูกที่ 3 คือ เรื่องเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งถือเป็นระเบิดลูกใหญ่ เนื่องจากมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมาก ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง เป็นสวรรค์ของนักลงทุนที่มีการนำเงินทุนเข้ามาหาผลกำไรในประเทศไทย โดยที่ผ่านมาคลังและ ธปท. ก็ได้ดูแลค่าเงินบาท แต่สหรัฐจับตามองอยู่ว่าไทยมีการแทรกแซงค่าเงินบาทเพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือไม่ โดยวันนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง เป็นผลดีกับผู้ส่งออก แต่ผู้ประกอบการก็ไม่ควรหวังเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเดียว ต้องพัฒนาตัวเองด้วย รัฐบาลออกมาตรการให้ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยการเปลี่ยนเครื่องจักร และให้สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2.5 เท่า หากผู้ประกอบการยังไม่ปรับตัวก็อย่ามาโวยวาย เพราะที่ผ่านมาเอกชนไม่ปรับตัว สะท้อนการลงทุนของภาคเอกชนที่นิ่งอยู่ที่ 16% ของจีดีพี ไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับมรสุมลูกที่ 4 เรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ไม่อยากให้ประชาชนตกใจ เพราะประเทศไทยเคยเจอโรคระบาดมาหลายครั้งก็สามารถผ่านมาได้ ตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มาเที่ยวไทย คนไทยก็ต้องมาช่วยกันเที่ยวไทย โดยกระทรวงการคลังจะออกมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 4 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวในประเทศ หาก ครม. เห็นชอบก็จะดำเนินการทันที

สุดท้ายมรสุมลูกที่ 5 เรื่องความล่าช้าของงบประมาณปี 2563 ควรจะได้ใช้ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2562 แต่ก็ติดปัญหา ยังโชคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาในวันที่ 7 ก.พ. นี้ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งบประมาณได้ในเดือน พ.ค. 2563 ก็จะทำให้เหลือเวลาใช้งบประมาณแค่ 4 เดือน ก็ได้มีการสั่งการหน่วยงานให้เตรียมพร้อมไว้แล้ว หากมีปัญหาเงินลงทุนไม่พอ กระทรวงการคลังก็จะมีการกู้เงิน หรือออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อระดมเงินมาลงทุน ซึ่งได้เตรียมการไว้หมดแล้ว ในส่วนของ ธปท. ก็ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 1% ซึ่งต้องถาม ธปท. ว่า ทำช้าไปหรือไม่ และเมื่อลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาแล้ว หากไม่สามารถทำให้สถาบันการเงินลดดอกเบี้ยให้กับผู้กู้เงินได้ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปลดดอกเบี้ยนโยบาย

"สมคิด" ยันเศรษฐกิจไทยผ่าน 5 มรสุมร้าย

นายสมคิด กล่าวว่า เศรษฐกิจในช่วงนี้ต้องช่วยกันประคอง ไม่อยากว่าใคร เพราะจะทำให้ประชาชนสิ้นหวัง ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ ปีนี้เศรษฐกิจโตได้ 2% ก็ถือว่าดีพอสมควรแล้ว

รัฐบาลมีโครงการอีอีซี เพื่อดึงนักลงทุนเข้ามาเกิดเครื่องยนต์ใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เชื่อว่าเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน เพราะในโครงการอีอีซี มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี มีสนามบิน รถไฟความเร็วสูง ระบบสื่อสาร 5G ซึ่งไม่มีประเทศไหนทำได้ โดย 5G จะมีการเปิดซองประมูลในวันที่ 16 ก.พ. นี้ ผู้ประกอบการที่ชนะก็พร้อมจะลงทุนทันที นอกจากนี้ในเดือน มี.ค. 2563 จะเดินทางไปสหรัฐฯ ที่ซิลิคอนวัลเล่ย์ ซึ่งมีผู้ประกอบการรายใหญ่ 4-5 ราย พร้อมที่จะเข้ามาลงทุนเทคโนโลยีและระบบการสื่อสารในอีอีซีของไทย

นายสมคิด กล่าวว่า สำหรับปัญหาเรื่องรัฐบาลถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือเป็นการทำงานปกติของฝ่ายค้าน รัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจง เมื่อชี้แจงเสร็จก็ต้องร่วมกันทำงานต่อไป เอกชนก็ต้องเข้ามาร่วมช่วยเหลือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่วนข้าราชการ หน่วยงานต่าง ๆ ก็ทำเต็มที่ ผมไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ผมไปพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้