posttoday

นักหิ้วสินค้าแบรนด์เนมเลี่ยงภาษีไม่หวั่นศุลกากรเข้ม

10 กันยายน 2562

กรมศุลกากรแจงการลักลอบหิ้วสินค้าแบรนด์เนมเลี่ยงภาษียังฮิต ยอดจับ 11 เดือน พุ่ง 90 ล้านบาท

กรมศุลกากรแจงการลักลอบหิ้วสินค้าแบรนด์เนมเลี่ยงภาษียังฮิต ยอดจับ 11 เดือน พุ่ง 90 ล้านบาท

นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า คนไทยที่เดินไปเที่ยวต่างประเทศและหิ้วสินค้าแบรนด์เนมกลับเข้ามาในประเทศมูลค่าเกิน 2 หมื่นบาท และไม่ยอมเสียภาษีให้ถูกต้องยังมีเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่าที่ผ่านมากรมศุลกากรจะเข้มงวดในเรื่องนี้ โดยข้อมูลปีงบประมาณ 2561 มีผู้นำเข้า สินค้าแบรนด์เนมเกินราคาที่กำหนดถูกยึดเป็นมูลค่า 70 ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ 2562 ผ่านมาได้ 11 เดือน มีมูลค่า 90 ล้านบาท

สำหรับการนำสินค้าแบรนด์เนมที่นิยม ได้แก่ นาฬิกา กระเป๋า เข็มขัด น้ำหอม เสื้อผ้า ซึ่งกรมศุลกากรให้นำเข้ามาได้มูลค่ารวมกันไม่เกิน 2 หมื่นบาท หากเกินกว่านั้นผู้เดินทางจะต้องผ่านด่านศุลกากรช่องสีแดง เพื่อทำการเสียภาษีให้ถูกต้อง ซึ่งอัตราภาษีนาฬิกาอยู่ที่ 5% ส่วนกระเป๋าอยู่ที่ 30%

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมีนักท่องเที่ยวไทยนำสินค้าแบรนด์เนมเข้ามาเกินมูลค่า 2 หมื่นบาท และเดินผ่านช่องเขียว ซึ่งเป็นช่องที่หมายถึงไม่มีของสำแดงเสียภาษีนำเข้า แต่เมื่อถูกตรวจพบว่ามีการนำเข้าสินค้ามาเกิน ทำให้ถูกยึดสินค้าดังกล่าวทันที

นายชัยยุทธ กล่าวว่า กรมศุลกากรใช้การบริหารความเสี่ยงตรวจสอบผู้นำสินค้าแบรนด์เนมเข้ามาเกินมูลค่าและไม่เสียภาษี โดยทำการสุ่มตรวจ มีสายการบินเป้าหมาย เช่น สายการบินที่มาจากยุโรปในประเทศที่เป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง ก็จะถูกตรวจเป็นพิเศษ สำหรับประเทศในเอเชีย ก็มีสายการบินที่มาจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่พบว่ามีการหิ้วนำสินค้าแบรนด์เนมเข้ามาเกินกฎหมายกำหนดจำนวนมาก

สำหรับกรณีที่พนักงานต้อนรับสายการบินไทยหิ้วสินค้าแบรนด์เนมเข้ามาเกินและถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรยึดสินค้าดังกล่าว ขณะนี้ทางกรมศุลกากรได้ร่วมมือกับบริษัทการบินไทย เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีก โดยทางบริษัทการบินไทยไม่มีนโยบายที่ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทำผิดดังกล่าวอยู่แล้ว

นายชัยยุทธ กล่าวว่า การติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ค่อมสานพานกระเป๋าสนามบินสุวรรณภูมิทั้ง 32 สายพาน จะเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะป้องกันการหิ้วสินค้าแบรนด์เนมเลี่ยงภาษีนำเข้าได้ ซึ่้งอยู่ระหว่างการติดตั้งจะเริ่มใช้งานได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2563 ซึ่งกระเป๋าทุกใบจะต้องผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ดังกล่าว

"กรมศุลกากรไม่สามารถตรวจผู้ที่นำสินค้าแบรนด์เนมมาเกินและเลี่ยงภาษีได้ 100% เพราะหากทำเช่นนี้จะสร้างความไม่สะดวกกับนักเดินทาง จึงใช้วิธีการบริหารความเสี่ยง มีการข่าว มีกลุ่มเป้าหมายของนักเดินทางและต้นทางของสินค้า สำหรับนักเดินทางที่ซื้อสินค้าแบรนด์เนมและใช้ทันที เช่น ซื้อนาฬิกาและใส่เลย หรือ ซื้อกระเป๋าและใช้ใส่ของเดินทางเข้ามาในประเทศ กรมศุลกากรก็ไม่สามารถไปเก็บภาษีได้" นายชัยยุทธ กล่าว

โฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า ผลการตรวจยึดสินค้ากรณีความผิดลักลอบและหลีกเลี่ยง ปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.2561 – ส.ค. 2562) กรมศุลกากรสามารถจับกุมการกระทำผิดตามกฎหมายศุลกากรหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศุลกากรได้ทั้งสิ้น 29,875 คดี ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,628 ล้านบาท เป็นมูลค่าจากการกระทำผิดกรณีลักลอบ 65.2% ซึ่งสินค้าที่มีมูลค่าการลักลอบนำเข้าสูงสุด อาทิ ยาเสพติดประเภท เมทแอมเฟตามีน นาฬิกาชนิดต่าง ๆ ยาเสพติดประเภท โคคาอีน สินค้าที่มีมูลค่าการลักลอบส่งออกสูงสุดได้แก่ ยาเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน ยาเสพติดประเภทเคตามีน

ด้านการเก็บรายได้ 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 มี จำนวน 100,312 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 7,731 ล้านบาทหรือ 8.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 342 ล้านบาทหรือ 0.3% สินค้าหลักที่จัดเก็บอากรขาเข้าสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ รถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล ส่วนประกอบยานยนต์ ยารักษาโรค เครื่องสำอาง รถตู้โดยสาร ส่วนประกอบเครื่องยนต์ ของทำด้วยเหล็ก กระเป๋า หอมและกระเทียม แป้น/แผงคอนโซล

สำหรับปีงบประมาณ 2562 กรมศุลกากรคาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ศุลกากรสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 100,000 ล้านบาท และจัดเก็บได้ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของกระทรวงการคลังและปีก่อน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากมูลค่าการนำเข้าที่หดตัวลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ