posttoday

ยาสูบจุกรัฐเก็บภาษีเพิ่ม40%

05 กุมภาพันธ์ 2562

การยาสูบงดซื้อใบยา หลังรัฐปัดขยายเวลาขึ้นภาษีบุหรี่ 40% วันที่ 1 ต.ค. ส่วนปีงบ 2561 กำไรบักโกรกแค่ 908 ล้าน

การยาสูบงดซื้อใบยา หลังรัฐปัดขยายเวลาขึ้นภาษีบุหรี่ 40% วันที่ 1 ต.ค. ส่วนปีงบ 2561 กำไรบักโกรกแค่ 908 ล้าน

น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลไม่ขยายเวลาการเพิ่มภาษีบุหรี่เป็น 40% ในวันที่ 1 ต.ค. 2562 นี้ นอกจากทำให้ ยสท.ต้องปรับราคาบุหรี่ที่ราคาซองละไม่เกิน 60 บาท เป็นซองละมากกว่า 90 บาท แล้ว ทาง ยสท.ยังไม่สามารถรับซื้อใบยาสูบตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปอีกด้วย

"ยสท.ยังไม่มีแผนที่จะซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ยาวสูบตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป เพราะตอนนี้สต๊อกใบยาสูบใช้ ได้ถึงปี 2566 หากซื้อใบยาสูบจากชาวไร่มาเพิ่มอีกก็เท่ากับซื้อมาทิ้ง" น.ส.ดาวน้อย กล่าว

น.ส.ดาวน้อย กล่าวว่า การขึ้นภาษีบุหรี่เป็น 40% จะทำให้ยอดขายบุหรี่ของ ยสท.ลดลงอีก 50% จากที่ขายอยู่ได้ 1.8 หมื่นล้านมวน/ปี เหลือ 8,500 ล้านมวน/ปี ยังไม่รวมกระทบกับกระทรวงสาธารณสุขเรื่องบุหรี่ซองเรียบ และการห้ามผลิต บุหรี่รสเมนทอล ที่จะมีผลบังคับใน เร็วๆ นี้ จะส่งผลกระทบยอดขายบุหรี่ของ ยสท.มากขึ้น เพราะปัจจุบัน ยสท.ผลิตบุหรี่ที่มีส่วนผสมของเมนทอลขายอยู่ในตลาดถึง 40%

น.ส.ดาวน้อย กล่าวว่า ตอนนี้ ยสท.ได้เร่งขายใบยาสูบในสต๊อกให้กับ ผู้ผลิตบุหรี่ต่างประเทศ แต่มีปัญหา ราคาใบยาสูบที่ ยสท. ราคาสูงกว่าตลาดปกติทั่วไปประมาณกิโลกรัมละ 24 บาท ทำให้การขายใบยาสูบทำได้ยากมาก เพราะ ยสท.เป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่สามารถขายสินค้าต่ำกว่าราคาทุนได้ ซึ่งหากสามารถขายใบยาสูบในสต๊อกก็จะสามารช่วยรับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ได้เพิ่มบางส่วน

"ยสท.และผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศเห็นตรงกันว่ารัฐบาลควรขยายเวลา การขึ้นภาษีบุหรี่ 40% ออกไปก่อน เพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบทั้งอุตสาห กรรมซึ่งรวมถึงชาวไร่ที่ปลูกใบยาสูบ ซึ่งเป็นเกษตรที่มีรายได้น้อยด้วย" น.ส.ดาวน้อย กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2561 ยสท.ยังคงมีกำไรสุทธิจำนวน 908 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะประสบภาวะขาดทุน แต่เนื่องจากมูลค่าการจำหน่ายสามารถทำได้สูงกว่า 8.4% และการยาสูบพยายามควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายและการบริหารได้ในระดับดีรวมถึงการรักษาต้นทุนวัตถุดิบ และมียอดการจำหน่ายเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถจำหน่ายใบยาสูบได้จำนวนหนึ่ง จึงทำให้ยังมีกำไร 908 ล้านบาท แต่หากเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งมีกำไร 9.343 ล้านบาท พบว่า กำไรลดลงถึง 8,435 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น 90.23%

ทั้งนี้ ผลจากการที่บุหรี่ต่างชาติมีการปรับราคาใกล้เคียงบุหรี่ไทย ทำให้มี ผู้สูบบุหรี่จำนวนหนึ่งหันไปบริโภคบุหรี่ ต่างประเทศแทน โดยในปีงบประมาณ 2561 ส่วนแบ่งทางการตลาดของบุหรี่การยาสูบลดลงจาก  79% ในปีงบประมาณ 2560 ลดลงเหลือ 59%