เอกชนหวั่นชุมนุม2ม็อบ ตอกฝาโลงการค้าลงทุน

โพสต์ทูเดย์ — ส.อ.ท.หอการค้าฯ วิตกม็อบพันธมิตรฯ ที่ปราสาทพระวิหารและคนเสื้อแดงทำเศรษฐกิจทรุดรอบสอง

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนกังวลต่อสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่บริเวณปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพราะหากมีเหตุปะทะหรือมีความรุนแรงเกิดขึ้นจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และหากสถานการณ์ลุกลามจนมีการปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชาทั้งหมด จะยิ่งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ รวมทั้งมูลค่าการค้าการลงทุน 7 หมื่นล้านบาท

เนื่องจากปัจจุบันภาคธุรกิจไทยได้เข้าไปตั้งฐานการลงทุนในกัมพูชามากขึ้น รวมทั้งมีการส่งสินค้าผ่านเข้าไปยังกัมพูชา เพื่อส่งออกไปยังเวียดนามและประเทศที่สามอีกหลายสาขา เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้าง

สำหรับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น นายสันติเชื่อว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นและไม่กระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรควบคุมสถานการณ์ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมรู้ดีว่าหากเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นจะยิ่งทำให้เสียเปรียบและกระทบต่อภาพลักษณ์ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาเมื่อเดือนเม.ย.

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า อยากวอนให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่อยากให้เกิดปัญหามากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะประเทศไทยได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกมากอยู่แล้ว จึงไม่ควรสร้างปัญหาใหม่เป็นการซ้ำเติม แต่ควรร่วมกันคิดหาทางแก้ไขปัญหาให้หลุดพ้นจากปัญหาจะเป็นการดีที่สุด

สำหรับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาลนั้น ถือเป็นการเตรียมตัวป้องกันที่ดีและเชื่อว่าต่างประเทศเข้าใจ เพราะในต่างประเทศหลายประเทศมีกฎหมายในลักษณะเดียวกันเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่สงบล่วงหน้า

นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยขณะนี้ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยทางการเมือง และที่สำคัญยังต้องติดตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย เพราะหากสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลในประเทศต่างๆ เศรษฐกิจอาจจะไม่โตตามที่คาดไว้