posttoday

ไทยพาณิชย์ยันทำงานร่วมตำรวจคดีสจล.

20 มกราคม 2558

ผู้บริหารไทยพาณิชย์ ยอมรับว่า ไม่ไว้วางใจ "ทรงกลด" จนต้องขอให้ลาออก หลังพบว่า ปล่อยให้เบิกถอนเงินไม่เป็นไปตามขั้นตอน แต่ผู้บริหารสจล.ยืนยันตัวเลขจึงไม่เป็นความผิด

ผู้บริหารไทยพาณิชย์  ยอมรับว่า ไม่ไว้วางใจ "ทรงกลด" จนต้องขอให้ลาออก หลังพบว่า ปล่อยให้เบิกถอนเงินไม่เป็นไปตามขั้นตอน แต่ผู้บริหารสจล.ยืนยันตัวเลขจึงไม่เป็นความผิด 

นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวภายหลังรับหนังสือจากคณะบุคคลของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล,) ว่า นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา บิ๊กซี ศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดียักยอกทรัพย์ สจล. เคยทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์จริง ก่อนที่นายทรงกลดจะลาออกไป เนื่องจากมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ คือ เบิกถอนเงินออกก่อนโดยนายทรงกลดไม่ได้เซ็นยืนยัน แต่เมื่อทางธนาคารได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้บริหารของ สจล. ในขณะนั้นว่า มีการเบิกถอนเงินจำนวนดังกล่าวจริงหรือไม่ ทางผู้บริหารยืนยันตัวเลขตรงกัน จึงเป็นอันสิ้นสุด

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า หลังจากที่นายทรงกลดทำผิดระเบียบ ธนาคารได้นำเรื่องเข้าสู่กรรมการวินัย ซึ่งมีมติว่า ธนาคารไม่สามารถไว้วางใจพนักงานคนนี้ได้อีกต่อไป จึงขอให้นายทรงกลดยื่นใบลาออกเอง ขณะเดียวกัน เรื่องดังกล่าว ถือว่า ยังไม่ได้เป็นการทุจริต เพียงแต่เป็นความสงสัยและไม่ไว้วางใจของธนาคาร จึงไม่ได้ใส่ชื่อลงในบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) ขณะเดียวกันทางธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งรับนายทรงกลดเข้าทำงานหลังจากนั้น ก็ไม่เคยติดต่อถามประวัติการทำงานกับไทยพาณิชย์อย่างเป็นทางการ  ส่วนนายทรงกลดจะกระทำการทุจริตตั้งแต่ทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์หรือไม่ เป็นเรื่องที่ตำรวจจะต้องสืบสวนสอบสวน ซึ่งธนาคารพร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจเต็มที่ เพราะหากพบว่ากระทำผิด ธนาคารจะกลายเป็นผู้เสียหายด้วย

"การที่บางคนเรียกร้องให้ธนาคารเข้าไปร่วมรับผิดชอบ ต้องว่ากันในระบอบยุติธรรมและในแง่กฎหมายผิดก็ต้องยอมรับ แต่ในเรื่องนี้ธนาคารไม่ได้ทำอะไรที่ผิดวิธีหรือระเบียบปฏิบัติก็ไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบยังไง อีกทั้งเมื่อพบความผิดปกติก็ได้มีการตรวจสอบกับผู้บริหาร สจล, แล้วซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารพึงทำได้ โดยธนาคารเปรียบเสมือนท่อน้ำ ไม่รู้ว่าน้ำที่ไหลเข้ามานั้นเป็นน้ำดีหรือน้ำเสีย คนที่รู้ว่า ดีหรือเสีย คือวาล์วเปิดปิด หรือ คนที่โอน กับ คนที่รับ" นายพงษ์สิทธิ์ กล่าว

นายพงษ์สิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงที่มีข่าวการยักยอกเงิน สจล. ธนาคารไทยพาณิชย์ไม่ได้นิ่งเฉย แต่ได้ให้ความร่วมมือกับตำรวจตั้งแต่ต้น พร้อมทั้งยังเป็นหัวหอกในการเชิญสถาบันการเงินอื่นๆ ที่มีบัญชีเกี่ยวข้องกับ สจล. เข้ามาร่วมมือให้ข้อมูลแก่ตำรวจด้วย ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยจุดยืนของธนาคารไทยพาณิชย์ ยืนหยัดข้าง สจล. ในการนำผู้กระทำผิดมาดำเนินดคีให้ถึงที่สุด 

นายเกียรติศักดิ์ รุ่นพระแสง ผู้แทนคณะบุคคล สจล. กล่าวว่า การเดินทางเข้าพบผู้บริหารไทยพาณิชย์ครั้งนี้ เป็นการเรียกร้องให้ธนาคารแสดงจุดยืนแนวทางปฏิบัติของธนาคารต่อเหตุการณ์การทุจริตเงิน 1,600 ล้านบาท ซึ่งจากการพูดคุยก็รู้สึกพอใจ อย่างไรก็ดี หลังจากนี้คงไม่ได้เดินทางไปยังสถาบันการเงินอื่นๆ จนกว่าจะมีปัญหาใดๆ ที่ร้ายแรง และมีความเกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินนั้นโดยตรง

ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ออกเอกสาร ชี้แจง กรณีดังกล่าว ระบุว่า  จากการที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ   เจ้าหน้าที่การเงินของสจล. และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการร่วมทุจริตบัญชีเงินฝากของสจล. ตามที่มีการนำเสนอข่าวแล้วนั้น

ธนาคารขอเรียนว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานับแต่ปรากฏเป็นข่าวขึ้นนั้น ธนาคารได้ให้ความร่วมมือกับทาง   เจ้าพนักงานสอบสวน และสจล.อย่างเต็มที่ โดยได้มอบหมายให้สายบริหารการป้องกัน อาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย  ซึ่งเป็นหน่วยงานของธนาคารเข้าร่วมกับเจ้าพนักงานสอบสวนในการตรวจสอบการทำธุรกรรม และติดตาม เส้นทางการเดินเงินของกลุ่มผู้ทุจริต อีกทั้งได้นำส่งข้อมูลทางบัญชี ตลอดจนเอกสารประกอบการทำธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามขั้นตอนของกฎหมาย  โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่าง  ขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาข้อเท็จจริงซึ่งจะได้มีการรายงานให้ทราบต่อไป