posttoday

บลจ.กสิกรไทย ปันผล-ลดทุน 3 กองอสังหาฯ-อินฟราฟันด์ กว่า 90 ล้าน

16 กันยายน 2563

บลจ.กสิกรไทย ปันผล-ลดทุน 3 กองอสังหาฯ-อินฟราฟันด์ กว่า 90 ล้าน เผย COVID-19 กระทบน้อย เพราะปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง

นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลและลดทุนจดทะเบียนสำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 3 กองทุน โดยจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ในอัตรา 0.0900 บาทต่อหน่วย และจ่ายปันผลพร้อมลดทุนจดทะเบียนกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ซึ่งจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.0805 บาทต่อหน่วย และลดทุนในอัตรา 0.0455 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ยังจ่ายปันผลพร้อมลดทุนจดทะเบียนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ซึ่งจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.0913 บาทต่อหน่วย และลดทุนในอัตรา 0.5400 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ กองทุน KPNPF และ CTARAF มีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 18 กันยายน 2563 ส่วนกองทุน ABPIF มีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 28 กันยายน 2563 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 96.74 ล้านบาท

นายวิทวัสกล่าวต่อไปว่า กองทุน KPNPF มีนโยบายลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคารสำนักงาน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคในโครงการอาคารเคพีเอ็น ทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ และมีการคมนาคมที่สะดวก อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 ประกอบกับอัตราค่าเช่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก ทำให้สามารถหาผู้เช่าเพิ่มและปรับอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากยังสามารถรักษาฐานผู้เช่าเดิมไว้ได้ ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2556 กองทุนมีการจ่ายปันผลรวมแล้วทั้งสิ้น 29 ครั้ง เป็นเงิน 3.5360 บาทต่อหน่วย หรือ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.92% ต่อปี

สำหรับกองทุน CTARAF มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร รวมถึงระบบสาธารณูปโภคของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยในปัจจุบันโรงแรมอยู่ระหว่างปิดปรับปรุง จึงไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากยังคงมีรายได้ค่าเช่าจากบริษัท เซ็นทรัลสมุยโฮเต็ลแมนเนจเม้นท์ จำกัด ตามสัญญาการเช่าช่วงครบถ้วน ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2551 กองทุนมีการจ่ายปันผลรวมแล้วทั้งสิ้น 41 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 6.3532 บาทต่อหน่วย และลดทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 13 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 0.8276 บาทต่อหน่วย หรือ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลและลดทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.83% ต่อปี

นายวิทวัสกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของกองทุน ABPIF เป็นการลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งสัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 จะมีอายุคงเหลือจนถึงปี 2565 อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ถึงแม้จะส่งผลกระทบต่อการผลิตและการใช้ไฟฟ้าของบางโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร แต่โดยภาพรวมของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 ยังคงสามารถขายกระแสไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ตามปกติ ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ABPIF เมื่อปี 2556 กองทุนมีการจ่ายปันผลรวมแล้วทั้งสิ้น 14 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 4.4403 บาทต่อหน่วย หรือ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 11.1% ต่อปี นอกจากนี้ กองทุนยังได้มีการลดทุนควบคู่กับการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยรวมเงินปันผลและลดทุนเท่ากับ 11.8163 บาทต่อหน่วย

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของบลจ.กสิกรไทย สามารถซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888