กองทุน Aberdeen New Thai Investment Trust ฉลองครบรอบ 30 ปี ที่ตลาดหลักทรัพย์กรุงลอนดอน

อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ ชี้ตลาดหุ้นไทยเป็นตัวอย่างที่ดีของการลงทุนระยะยาว ที่อดทนต่อสภาพตลาดระยะสั้นและมุ่งเน้นที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน

วันที่ 22 ต.ค. 2562 ที่ตลาดหลักทรัพย์กรุงลอนดอน ได้มี พิธีฉลองครบรอบ 30 ปี การเปิดขายกองทุน Aberdeen New Thai Investment Trust โดยมีนาย Nicolas Smith ประธานบริหารกองทุน Aberdeen New Thai Investment Trust นายออเสน การบริสุทธิ์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุน-ตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) หรือ อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ ในฐานะผู้จัดการกองทุน Aberdeen New Thai Investment Trust พร้อมทั้งเอกอัครราชทูตพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทยประจำสหราชอาณาจักร และนาย Martin Gilbert ประธานบริหารกองทุน Aberdeen Standard Investments ซึ่งเป็นประธานบริหารกองทุนตั้งแต่จัดตั้งเมื่อ 30 ปีก่อน หรือปี 2532 เข้าร่วมพิธี

กองทุน Aberbeen New Thai Investment Trust ยังคงเป็นกองทุนเดียวในสหราชอาณาจักรที่เน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ของไทยเท่านั้น เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่มองหากองทุนที่มีการบริหารจัดการที่ดี มีความยืดหยุ่น กองทุนดังกล่าวบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านตราสารทุนของไทยที่ลงทุนผ่านบริษัทที่มีคุณภาพจากตลาดที่มีประสิทธิภาพ

กองทุนดังกล่าวได้รับการเสนอชื่อโดยสมาคมการลงทุนของ บริษัท (AIC) ในฐานะ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเพียงแห่งเดียวที่จะได้รับผลตอบแทนมากกว่า 1 ล้านปอนด์ หากนักลงทุนได้ลงทุนในระดับสูงสุดที่สามารถลงทุนได้ (ISA Limit) จากปี 1999 ถึง 2019

นาย Nicholas Smith ประธานบริหารกองทุน Aberdeen New Thai Investment Trust กล่าวว่า การดำเนินงานในระยะยาวของกองทุนยังคงแข็งแกร่ง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานะ“ ISA Millionaire” ของ AIC จะยังคงอยู่ต่อไปอีกหลายปีข้างหน้าและผู้ถือหุ้นของเราจะได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนโดยตรงในประเทศไทย การเติบโตของเงินทุนและรายได้ที่สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์การลงทุนของบริษัท  การมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่มีคุณภาพที่มีความยืดหยุ่นในระยะยาว ผ่านวัฏจักรเศรษฐกิจและการเมืองที่แตกต่างกันซึ่งทำให้การลงทุนเข้าถึงโอกาสในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงการเติบโตในกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามด้วย

ด้านนายออเสน กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ของการลงทุนระยะยาวโดยที่อดทนต่อสภาวะสภาพตลาดระยะสั้นและมุ่งเน้นที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา มีช่วงเวลาความไม่สงบในสถานการณ์ทางการเมืองมากมายซึ่งได้นำไปสู่การปรับตัวลงของตลาดหุ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงมีการดำเนินการและเติบโต อีกทั้ง ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงในการลงทุนน้อยกว่าประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยดุลบัญชีเดินสะพัดและเงินสำรองระหว่างประเทศที่ยังคงแข็งแกร่ง

นายออเสน กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ผ่านมาได้ลดลงหลังจากที่ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พร้อมกับการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังช่วงเวลา 5 ปีที่ประเทศมีการบริหารโดยคณะทหาร ในปัจจุบันคณะรัฐมนตรีกำลังมองหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทยได้สร้างความประหลาดใจให้ตลาดด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ด้วยปัจจัยดังที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่ามีการสนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศทั้งในแง่เศรษฐกิจและโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งจะสร้างความน่าสนใจในการลงทุนมากกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน

"ในระยะยาว ประเทศไทยมีธุรกิจที่เยี่ยมยอดซึ่งได้ผลิตสินค้าและให้บริการต่างๆทั้งตลาดในประเทศและนอกประเทศ เศรษฐกิจไทยอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะใช้ประโยชน์จากความเป็นกำลังการผลิตสำคัญในภูมิภาคนี้ในอีก 30 ปีต่อไปข้างหน้า บริษัทต่างๆจากประเทศไทยมีความเป็นไปได้สูงที่จะขยายธุรกิจไปสู่ประเทศใกล้เคียงเช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา และ เวียดนาม เพื่อขยายธุรกิจและนำไปสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเช่น อาหาร อุตสาหกรรมการให้บริการ และ การท่องเที่ยว" นายออเสน กล่าว