posttoday

เปลี่ยนพอร์ตลงทุนเพื่อเกษียณแบบ Megatrends Allocation

12 มิถุนายน 2565

นักลงทุนจะต้องมีพอร์ตการลงทุนที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในระดับที่ “มากกว่า 10% ต่อปี”

ทุกวันนี้การลงทุนถือเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างแพร่หลาย คนส่วนใหญ่ต่างมุ่งหน้าเข้าสู่ตลาดหุ้นด้วยความคาดหวังที่จะสร้างความมั่งคั่ง มีอิสรภาพทางการเงินและมีชีวิตวัยหลังเกษียณที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ปัญหาอย่างหนึ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ตระหนัก ก็คือ การจัดพอร์ตการลงทุนในรูปแบบดั้งเดิม (Conventional Asset Allocation) ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในอดีต เริ่มไม่ตอบโจทย์และสอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกที่กำลังเปลี่ยนไป

ยกตัวอย่างเช่น การจัดพอร์ตการลงทุนแบบเชิงรุกที่ประกอบด้วยหุ้นไทย 70% และตราสารหนี้ไทย 30% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2012 - 2022) สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6.7% ต่อปี แต่เมื่อนำมาคำนวณร่วมกับอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยระยะยาวของไทยที่อยู่ที่ระดับ 3.88% ต่อปีแล้ว ก็จะพบว่า “อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง” หลังหักเงินเฟ้อจะเหลืออยู่เพียงแค่ประมาณ 3 - 4% เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากนักลงทุนยังคงรักษาสัดส่วนการลงทุนดังกล่าวต่อเนื่องไปจนถึงวัยหลังเกษียณ จะพบว่าอัตราผลตอบแทนที่ได้รับก็ไม่สามารถเอาชนะอัตราการเพิ่มขึ้นของค่ารักษาพยาบาล (Medical Inflation) ในประเทศไทยที่สูงขึ้นถึง 9.8% โดยเฉลี่ยต่อปีได้ แม้จัดพอร์ตในรูปแบบที่มีความเสี่ยงสูงสุด ซึ่งนั่นเท่ากับว่า พอร์ตการลงทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบและจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในวัยหลังเกษียณให้ถดถอยลงไปเรื่อยๆ

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนจะต้องมีพอร์ตการลงทุนที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในระดับที่ “มากกว่า 10% ต่อปี” เพื่อที่จะสามารถรักษาอำนาจซื้อและคุณภาพชีวิตในวัยเกษียณได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การจัดพอร์ตตามแนวคิดการลงทุนแบบ Conventional Asset Allocation ที่มักจะแนะนำให้คนวัยเกษียณทยอยลดสัดส่วนหุ้นลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ จะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับสูงและเอาชนะ Medical Inflation ได้เลย

เมื่อการจัดพอร์ตในรูปแบบดั้งเดิมตามทฤษฎีที่แพร่หลาย กลับไม่สามารถตอบโจทย์ได้ในชีวิตจริง ดังนั้น การจัดพอร์ตการลงทุนสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Creation) เพื่อการเกษียณ จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง จากการจัดพอร์ตการลงทุนจากแบบดั้งเดิม (Conventional Asset Allocation) มาเป็น พอร์ตการลงทุนแบบ “Megatrends Allocation” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ “เพิ่มผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีให้สูงขึ้น”

เหตุผลสำคัญที่การลงทุนแบบ Megatrends Allocation เหมาะสำหรับการลงทุนเพื่อการเกษียณ เนื่องจากแนวคิดดังกล่าว เป็นการลงทุนที่มุ่งเน้นหุ้นในอุตสาหกรรมหรือประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงในระยะยาว ทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องปรับพอร์ตการลงทุนบ่อยครั้งตามการเปลี่ยนแปลงของวัฎจักรเศรษฐกิจและสภาวะตลาด ซึ่งถือเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ให้ถูกต้องแม่นยำได้อย่างต่อเนื่อง แนวคิดการลงทุนแบบ Megatrends Allocation นี้ยังช่วยลดความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อสภาวะตลาดในระยะสั้นที่ผันผวนรุนแรงและมุ่งเน้นไปที่ศักยภาพการเติบโตของประเทศหรืออุตสาหกรรมในระยะยาว

ในอดีตที่ผ่านมา การลงทุนหุ้นในธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จาก Megatrends ของโลก ถือว่าได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่งดงามให้กับนักลงทุนได้ ยกตัวอย่างเช่น หุ้นในอุตสาหกรรม Technology ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาได้สูงถึงประมาณ 18.56% ต่อปี (วัดจากดัชนี MSCI World Information Technology Index ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. 2012 - มี.ค. 2022) หรือ หุ้นในอุตสาหกรรม Healthcare ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นได้สูงถึงราว 13.85% ต่อปี (วัดจากดัชนี MSCI World Healthcare Index) ในช่วงเวลาเดียวกัน แม้จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งวิกฤต COVID-19 ปี 2020 สงครามการค้า ในช่วงปี 2018 - 2019, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการลดงบดุล (Quantitative Tightening) ของ Fed ในช่วงปี 2016 - 2018 ฯลฯ แต่หุ้น Megatrends เหล่านี้ก็ยังสามารถฝ่ามรสุม เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมให้กับนักลงทุน

หากมองไปในอนาคต ธีมการลงทุนที่อยู่ใน Megatrends ของโลกและมีแนวโน้มการเติบโตระยะยาวที่สูง มีหลากหลายธีมที่มีความน่าสนใจในการลงทุน ได้แก่

1. Future Trend of Technology ที่ได้รับประโยชน์จาก “ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี” และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและองค์กรที่หันมาใช้ชีวิตและทำงานผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น อย่างเช่น กลุ่ม Cloud Computing และ Cybersecurity

2. Innovative Healthcare ที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจาก “สังคมผู้สูงอายุ” และนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้น อย่างเช่น กลุ่ม Biotechnology และ Digital Health

3. ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศที่เป็น The Rising Star of Asia ซึ่งเศรษฐกิจกำลังพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ภายใต้เทรนด์ “การเปลี่ยนขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก” จากประเทศในซีกโลกตะวันตกมายังประเทศในซีกโลกตะวันออก อย่างเช่น ตลาดหุ้นเวียดนามและจีน

ด้วยธีมการลงทุน Megatrends ที่หลากหลายเหล่านี้ นักลงทุนสามารถที่จะสร้างพอร์ตการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ กระจายความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงในระยะยาวภายใต้คอนเซ็ปต์ Megatrends Allocation นอกจากจะต้องเฟ้นหาอุตสาหกรรมหรือประเทศที่เติบโตสูงและอยู่ใน Megatrends ให้พบแล้ว อีกปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการลงทุนเพื่อการเกษียณ ก็คือ “ระยะเวลาในการลงทุน” ตามหลักการของดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) ระยะเวลาถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการลงทุน กล่าวคือ ยิ่งระยะเวลาการลงทุนยาวนานเท่าไหร่ เงินลงทุนจะเติบโตขึ้นเป็นเท่าทวีคูณแบบ Exponential ดังนั้น การเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยและถือหุ้นลงทุนระยะยาว เพื่อให้เงินทำงานและสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดจึงมีความสำคัญไม่แพ้กับการเลือกหุ้นให้ถูกต้อง

เราเชื่อว่า การเปลี่ยนรูปแบบการจัดพอร์ตการลงทุนจากแบบ Conventional Asset Allocation มาเป็นแบบ Megatrends Allocation จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่เพิ่มโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งให้ประสบความสำเร็จและถือเป็นก้าวแรกในการวางแผนการเงินแบบ “Megatrends Retirement Planning” ที่จะนำไปสู่ชีวิตวัยหลังเกษียณที่มีคุณภาพให้กับนักลงทุนทุกคน