posttoday

เงินเฟ้อสหรัฐฯ เข้าใกล้จุดพีคแล้วหรือยัง?

11 เมษายน 2565

เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-34.00 ในสัปดาห์นี้ ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น

คอลัมน์ มันนี่วีก (Money…week) โดย...กฤติกา บุญสร้าง, มนัสวิน ฐิติสมบูรณ์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย

สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-34.00 ในสัปดาห์นี้ ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นไปแตะระดับ 8.4%YoY ตามคาดการณ์ของตลาด จากระดับ 7.9%YoY ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มแตะระดับสูงสุดในเดือนมีนาคมนี้ หลังจากราคาน้ำมันชะลอลงจากการปิดเมืองของจีนและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครนที่ผ่อนคลายลงบางส่วน

ด้านนโยบายการเงิน อีซีบีมีแนวโน้มจะส่งสัญญาณ Hawkish มากขึ้นโดยการปรับลดมาตรการคิวอี (APP) ให้จบลงเร็วกว่ากำหนดการเดิม เพื่อเตรียมการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ในขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังจากปรับดอกเบี้ยขึ้นมาหลายครั้งเพื่อชะลอเงินเฟ้อและความร้อนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าจับตามองในหลายประเทศ ด้านธนาคารกลางนิวซีแลนด์มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bps เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ

ภาพรวมตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงวันที่ 4-8 เมษายน 2022 เงินบาทผันผวนในทิศทางอ่อนค่า ท่ามกลางเงินทุนไหลเข้าทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น เงินเฟ้อไทยในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 5.73%YoY เนื่องจากราคาพลังงานและราคาอาหารเป็นหลัก ทำให้กระทรวงพาณิชย์ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้มาอยู่ที่ 4.5% จาก 1.5%

ด้านธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยในปีนี้ที่ 2.9% จากเดิมที่ 3.9% เนื่องจากประเมินว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียยูเครนที่กระทบการส่งออกและการท่องเที่ยว ด้านหนี้ครัวเรือนไทยเพิ่มขึ้นไปอยู่ 14.58 ล้านล้านบาทในปี 2021 หรือคิดเป็นประมาณ 90.1% ของจีดีพี จาก 89.7% ของจีดีพีในปี 2020

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์หนี้ครัวเรือนปี 2022 จะอยู่ที่ประมาณ 86.5-88.5% ด้านรัฐบาลไทยกำลังพิจารณายกเลิกการตรวจ RT-PCR หลังเข้าประเทศ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และพิจารณาจะปรับลดวงเงินประกันนักท่องเที่ยวจาก 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ มูดี้คงอันดับความน่าเชื่อถือไทยที่ Baa1 แนวโน้มมีเสถียรภาพ เนื่องจากไทยมีแนวโน้มจะต้านทานกับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าได้ ท่ามกลางนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่ง

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า ท่ามกลางการเทขายพันธบัตรต่อเนื่อง รายงานการประชุมเฟดส่งสัญญาณการลดขนาดงบดุลสูงสุดที่ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม พร้อมพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย 50bps โดยการลดขนาดงบดุลจะเป็นการลดพันธบัตร 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และลด MBS 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง โดยข้อมูลล่าสุดเดือน มี.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 431,000 คน อัตราการว่างงานเดือน มี.ค. ปรับลดลงเหลือ 3.6% จาก 3.8% ในเดือนก่อนหน้า รายได้ต่อชั่วโมงปรับเพิ่มขึ้น 5.6%YoY ดัชนีราคาผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อสำรวจโดยไอเอสเอ็มในเดือนมีนาคมพุ่งสู่ระดับ 58.3 ในเดือนมีนาคม จาก 56.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่งสัญญาณว่าภาคบริการสหรัฐฯ ฟื้นตัวต่อเนื่อง ดอกเบี้ยบ้านสหรัฐฯ อายุ 30 ปี แตะระดับ 5.02% สูงกว่า 5.00% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 ท่ามกลางวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟด ด้านวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติให้เคตานจิ บราวน์ แจ็คสัน ดำรงตำแหน่งในศาลสูงสุดสหรัฐฯ

ประเด็นขัดแย้งรัสเซียยูเครนยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเซเลนสกี้ยกระดับความขัดแย้งไปสู่สหประชาชาติ พร้อมกล่าวหาว่ารัสเซียมีพฤติกรรมโหดร้ายในระหว่างการบุกยูเครน การจ่ายชำระพันธบัตรในสกุลยูโรมูลค่ากว่า 649.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐของรัสเซียถูกปฏิเสธ โดยสหรัฐฯ ปฏิเสธไม่ให้รัสเซียใช้เงินที่อยู่ในธนาคารที่สหรัฐฯ จ่ายชำระพันธบัตร ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่ารัสเซียมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้สูงถึง 99% ภายในช่วง 1 ปีนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติให้ยกเลิกความสัมพันธ์ทางการค้าแบบปกติกับรัสเซีย และแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ในขณะที่ชาติยุโรปและญี่ปุ่นกำลังพิจารณาแบนการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซีย ด้านจีนกล่าวว่าจะโหวตไม่เห็นด้วยหากจะมีการขับรัสเซียออกจากสมาชิกสหประชาชาติ

เงินเฟ้อยุโรปปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ โดยในเดือน มี.ค. เงินเฟ้อของยุโรปปรับขึ้นไปอยู่ที่ 7.5%YoY จาก 5.9%YoY โดยหลักมาจากราคาพลังงานที่ขึ้นไปสูง เนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน เงินเฟ้อที่สูงกดดันให้อีซีบีอาจต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย โดย สมาชิกอีซีบบีหลายคนส่งสัญญาณ Hawkish คลาส น็อต ได้กล่าวว่าอีซีบีมีโอกาสจะขึ้นดอกเบี้ยได้ตั้งแต่เดือน ก.ย. ปิแอร์ วุนช์ คาดว่าดอกเบี้ยเงินฝากของอีซีบีจะอยู่ที่ระดับ 0.0% ณ และอาชิม นาเจล สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนนี้

สำหรับเอเชีย การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนมีแนวโน้มแย่ลง ในขณะที่รัฐบาลจีนประกาศพร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราส่วนเงินทุนสำรองลงอีก ด้านเงินเฟ้อเกาหลีใต้ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่ปี 2011 โดยเงินเฟ้อเดือน มี.ค. อยู่ที่ 4.1%YoY จาก 3.7%YoY ในเดือนก่อน จากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้ราคาสินค้าต่างๆ เพิ่มขึ้นซึ่งกดดันธนาคารกลางเกาหลีใต้ให้มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า

เงินบาทปิดตลาดที่ 33.62 ในวันศุกร์ที่ 8 เมษายน 2022 ณ เวลา 17.00 น.

ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสหรัฐฯ มีการปรับตัวในลักษณะที่ความชันเพิ่มสูงขึ้น (Bear Steepening) โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดที่ส่งสัญญาณการลดขนาดของงบดุลสูงสุดที่ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน แบ่งเป็นการรลดพันธบัตร 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และลด MBS 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหากเทียบกับในอดีตที่ผ่านมาถือเป็นการลดขนาดของงบดุลที่เร็วกว่าครั้งก่อนเกือบสองเท่าตัว จึงเป็นที่น่าติดตามว่าเมื่อสภาพคล่องในตลาดการเงินเริ่มปรับตัวลดลง จะส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ต่างๆ อย่างไร ขณะที่สมาชิกเฟดยังคงมีมุมมองที่ Hawkish อย่างต่อเนื่อง โดยคุณเจมส์ บุลลาร์ด สนับสนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยถึง 3.00-3.25% ณ สิ้นปีนี้ ส่วนคุณชาร์ล อีวานส์และคุณราฟาเอล บอสติก็สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยไปสู่ระดับ 2.50% ภายในปีนี้ หรือต้นปีหน้า ส่งผลให้ตัวเลข Fed Fund Future ได้ price in โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเกือบ 9 ครั้งในการประชุมที่เหลือของปี 2022 เทียบกับ 8 ครั้งในสัปดาห์ก่อนหน้า

เงินเฟ้อสหรัฐฯ เข้าใกล้จุดพีคแล้วหรือยัง?

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับตลาดโลก โดยมีประเด็นสำคัญอยู่ที่การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในเดือนมีนาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.73%YoY สูงกว่าคาดการณ์ที่ 5.55%YoY และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 5.28%YoY ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและราคาอาหารเป็นหลัก ทั้งนี้หากเทียบกันในรายเดือนถือเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนยังไม่ค่อยมีความกังวลต่อตัวเลขเงินเฟ้อของไทยมากนัก ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้เป็นมูลค่าสุทธิประมาณ 8,343 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 2,716 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 5,628 ล้านบาทและมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 1 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ วันที่ 8 เมษายน 2565 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 0.57% 0.99% 1.26% 1.68% 2.21% และ 2.44% ตามลำดับ

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสม หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์–พลังงานกดดัน S&P 500