posttoday

ลงทุนอย่างไรในช่วง “Mid Cycle” 

24 สิงหาคม 2564

โดย บรรณรงค์ พิชญากร

กรรมการผู้จัดการ

กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง

สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักลงทุน หากมองการลงทุนผ่านวัฏจักรเศรษฐกิจ จะทำให้เราสามารถวางกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างถูกต้องมากขึ้นครับ เพราะโดยปกติหุ้นแต่ละประเภท แต่ละ Sector มีผลงานเด่นในแต่ละช่วงที่ต่างกันไป  ที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดตกต่ำ (Recession) จาก COVID-19 มาช่วงเริ่มต้นฟื้นตัว (Early Recovery) และกำลังวิ่งเข้าสู่ช่วงกลางผ่านวัฏจักร หรือ Mid Cycle ปกติช่วง Mid Cycle มีแนวโน้มกินเวลายาวนานที่สุดโดยเฉลี่ยประมาณ 4 ปี ช่วงนี้เศรษฐกิจยังคงเติบโตอยู่ แต่จะมีอัตราการเติบโตจะชะลอตัว เมื่อเทียบกับช่วง Early Recovery ที่มีอัตราเร่งสูง เพราะฐานต่ำการฟื้นตัวช่วงแรกอัตราเร่งมักจะสูง อย่างไรก็ตามช่วง Mid Cycle  เป็นช่วงที่ผลประกอบการของบริษัทฯ มีแนวโน้มแข็งแกร่งโตได้ต่อเนื่อง  

แต่ต้องบอกเพื่อน ๆ นักลงทุนก่อนว่า แต่ละประเทศจะมีช่วงเศรษฐกิจที่ต่างกันไป เร็วบ้าง ช้าบ้าง ต่างกันไป  โดยประเทศที่วิ่งเข้าช่วง Mid Cycle เป็นประเทศแรก ๆ คือ จีน สหรัฐฯ ที่มีการฟื้นตัวจาก COVID-19 ได้ดี แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่ฟื้น โดยเมื่อเข้าสู่ Mid Cycle แล้วมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ธนาคารกลางจะมีความระมัดระวังเรื่องนโยบายการเงิน การอัดฉีด เพราะถ้ามากไปนำไปสู่ สภาวะเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไปได้จึงมีแนวโน้มที่จะถอนเม็ดเงินที่เคยอัดฉีดลง ซึ่งช่วงนี้ธนาคารกลางของประเทศ ต่าง ๆ อาจจะดึงเม็ดเงินการอัดฉีดลง หรือถึงขั้นถอนกลับ ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนกังวล อย่างไรก็ตามธนาคารกลางเอง ก็คงต้องดูจังหวะในการถอนเม็ดเงินที่เราเรียกกันว่า QE Tapering ซึ่งต้องมั่นใจแล้วว่าถอนแล้วจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม  

ก่อนจะเข้ามาช่วง Mid Cycle หรือในช่วง Early Recovery เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็ว ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นเร็ว ทำให้ stock สินค้าลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผู้ผลิตสินค้าทำได้ไม่ทันจนทำให้สินค้าขาดแคลน โดยเฉพาะสินค้าพื้นฐานอย่าง สินค้าโภคภัณฑ์ เราจะเห็นราคาเหล็ก, เดินเรือ, น้ำมัน และสินค้าเกษตร ปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเข้าช่วง Mid Cycle จะเกิดความสมดุลระหว่าง Demand และ Supply ผู้ผลิตขยายกำลังการผลิต เพื่อตอบสนอง Demand ได้ดีขึ้น 

ในช่วงฟื้นตัว Early Recovery จะดีสำหรับหุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นที่มี Beta มีความผันผวนสูงกว่าตลาดหุ้น พวกนี้เวลาตลาดขึ้นจะขึ้นได้ดีกว่าตลาด แต่เวลาลงก็ลงหนักมาก เมื่อนักลงทุนมองว่า ผ่านจุดตกต่ำแล้วอย่างไร ตลาดก็ฟื้นเขาก็จะวิ่งหาหุ้นขนาดเล็ก และมี Beta สูง ซึ่งก็จะได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่ Mid Cycle  นักลงทุนจำเป็นต้องเน้นหุ้นคุณภาพที่สูงขึ้น มีความสามารถในการแข่งขัน เพราะช่วง Mid Cycle เป็นช่วงที่ต้องหาหุ้นที่มี Alpha  คือ สร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาด ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง พอร์ตที่มี Alpha สูง      คือ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า 

ทั้งนี้ต่างจากหุ้นที่มี Beta สูงที่จะดีถ้าตลาดขึ้น แต่ถ้าตลาดลงจะแย่กว่าตลาดหุ้นที่มี Alpha ส่วนใหญ่จะเกิดกับบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันเติบโตมีคุณภาพ และรายได้กำไรไม่ผันผวนมีอัตราผลตอบแทนที่สูงสม่ำเสมอ และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เรียกว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ซึ่งก็มักจะเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ช่วงนี้นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับพื้นฐานของหุ้น และผลประกอบการมากขึ้น ถ้าหุ้นมีความแข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขันที่สูง สามารถส่งมอบการเติบโตของรายได้กำไรได้ก็ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุน 

หุ้นกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับช่วง Mid Cycle คือ กลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นสิ่งจำเป็นไปแล้ว เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว บริษัทต่าง ๆ มีความมั่นใจ พร้อมที่จะลงทุนในส่วน IT มากขึ้น เพื่อขยายการให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น ในภาคครัวเรือนเอง เมื่อมีความมั่นใจก็ซื้อสินค้าเทคฯ ตัวใหม่ ๆ หรือยอมจ่ายเพื่อใช้แอปพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวก และความบันเทิงให้คนในครอบครัวมากขึ้น  

อย่างไรก็ตามช่วงนี้ Stock Selection มีความสำคัญมาก ถ้ายังไม่พร้อมในการคัดเลือกหุ้นรายตัว “กองทุนรวม” ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ง่าย โดยกองทุนเทคฯที่เหมาะกับช่วง Mid Cycle คือ กองทุน B-Innotech ของบลจ.บัวหลวง เน้นลงทุนเทคฯ ที่มีคุณภาพสูง, มีฐานลูกค้าที่มั่นคง, มีรายได้กำไรที่ค่อนข้างแน่นอน ไม่ต้องรอลุ้นอะไรมาก เราอาจเห็นหุ้นกลุ่ม FAANG อยู่ในพอร์ตของเขา แต่หลายคนบอกหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ไม่ค่อยไปไหน โตยากแล้ว ลองดูงบไตรมาส 2 ของ Apple,  Microsoft, Google ดูครับ ยังสามารถโตระดับ 30- 40% ได้ ซึ่งถ้าใครมองกองทุนเทคฯที่เน้นคุณภาพเหมาะกับ Cycle ช่วง Mid Cycle กอง B-Innotech น่าจะตอบโจทย์ท่านได้  หรือถ้าท่านอยากดู Theme การลงทุน หรือกองทุนเด่นที่หลักทรัพย์บัวหลวงได้คัดกรองให้กับท่านแล้ว เรามีรายงาน BLS Top Funds คัดกองทุนตัว Top ให้กับท่านนักลงทุนทุกวันอังคาร ก็จะช่วยให้การลงทุนเป็นเรื่องที่ง่ายได้ประสิทธิภาพครับ