posttoday

เรื่องที่ควรรู้ก่อนลงทุน SSF และ RMF

11 พฤศจิกายน 2563

คอลัมน์ Healthy Wealth โดย...เสาวลักษณ์ คำวิลัยศักดิ์ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)

ถึงเวลาของการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีการลงทุนกองทุนรวมเพื่อการลดหย่อนภาษี 2 แบบ คือ กองทุนประเภทกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund; SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund; RMF) ที่เราจะเรียกติดปากกันว่า SSF กับ RMF แล้วกองทุนรวมทั้ง 2 ประเภท แล้วใครบ้างที่ควรลงทุนกองทุนรวม SSF , RMF เพราะทุกคนไม่จำเป็นจะต้องลงทุน เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวมีเงื่อนไขที่นักลงทุนควรจะต้องรู้ ดังนี้

เรื่องที่ควรรู้ก่อนลงทุน SSF และ RMF

สำหรับนักลงทุนที่มีรายได้หลังลดหย่อนภาษีแล้วน้อยกว่า 150,000 บาทต่อปี นักลงทุนกลุ่มนี้ไม่ควรลงทุนในกองทุนประเภทนี้ เพราะไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ แต่ถ้าหากต้องการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนยังมีกองทุนรวมอื่นๆที่น่าลงทุน หรือนักลงทุนที่มีรายได้หลังลดหย่อนภาษีมากกว่า 150,000 บาทต่อปี แต่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน ก็ไม่ควรลงทุนในกองทุนประเภทนี้ เนื่องจากการลงทุน SSF มีเงื่อนไขการขายที่ต้องถือยาวนานกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ส่วนกองทุน RMF ขายได้เมื่ออายุครบ 55 ปี ซึ่งอาจจะทำให้ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินหรือลงทุนระยะสั้น

ในกองทุน SSF และ RMF มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย เช่น หุ้น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้บริษัทเอกชน หน่วยของกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หน่วยของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ เป็นต้น โดยการเลือกลงทุนไม่ว่าจะนโยบายไหน นักลงทุนควรทำความเข้าใจศึกษากองทุนนั้นให้ถี่ถ้วน และผู้ลงทุนควรเลือกนโยบายการลงทุนที่มีความเสี่ยงให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ ทำความเข้าใจว่ากองทุนที่ตนเองเลือกนั้น มีนโยบายการลงทุนในตราสารประเภทใด เพราะการลงทุนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ย่อมมีความเสี่ยงเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ความเสี่ยงนั้นย่อมตามมาด้วยผลตอบแทนหรืออาจขาดทุนจากการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลคู่มือการลงทุน หรือปรึกษาผู้แนะนำการลงทุน เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์การลงทุน และได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้อง การเริ่มต้นการลงทุนไม่มีคำว่าสายเกินไป แต่หากไม่เริ่มลงทุนเลยอาจจะสายเกินไปถ้าไม่มีเงินเพียงพอในวัยเกษียณ