posttoday

ธปท.เข้มตรวจเงินขาเข้าไทยเกิน 2 แสนดอลลาร์ ดีเดย์ 29 ธ.ค.นี้ คุมบาทแข็ง

26 ธันวาคม 2568

ธปท.ออกประกาศตรวจเงินตราต่างประเทศเข้าไทยเกิน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต้องแจ้งแหล่งที่มาและวัตถุประสงค์ เริ่ม 29 ธ.ค.นี้ ส่วนมาตรการคุมเทรดทองออนไลน์ ชะลอเงินบาทแข็งค่า คาดชัดเจน ม.ค.69

KEY

POINTS

  • ธปท. กำหนดให้สถาบันการเงินต้องตรวจสอบเอกสารธุรกรรมเงินตราต่างประเทศขาเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป เพื่อยืนยันวัตถุประสงค์
  • มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมความผันผวนและสกัดการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการขายดอลลาร์ที่มาจากการค้าทองคำผ่านแอปพลิเคชัน
  • กฎเกณฑ์ใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคมเป็นต้นไป โดยครอบคลุมทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศ

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ออกประกาศ หนังสือเวียน เรื่อง การซักซ้อมวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับลูกค้า เนื่องด้วยในช่วงที่ผ่านมามีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าออกประเทศในปริมาณสูง ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนสูง 

ธปท.จึงขอความร่วมมือนิติบุคคลรับอนุญาตในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานกรณีการรับซื้อหรือรับฝากเงินตราต่างประเทศที่มาจากต่างประเทศ ของลูกค้าที่เป็นบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ เพื่อให้การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศดังกล่าวเป็นไป เพื่อการค้าการลงทุนและตรงตามวัตถุประสงค์ที่แจ้ง ดังนี้

1. การรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่ได้รับมาจากต่างประเทศ

1.1 ในการรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่เป็นธุรกรรมทันที ให้นิติบุคคลรับอนุญาต ถือปฏิบัติดังนี้

1.1.1 กรณีเงินตราต่างประเทศที่ไม่เกี่ยวกับค่าทองคำและธนบัตรเงินตราต่างประเทศ และมีจำนวนเงินตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือเทียบเท่า ให้นิติบุคคลรับอนุญาตต้องเรียกเอกสารจากลูกค้าในทุกธุรกรรมเป็นรายธุรกรรมในวันทำธุรกรรม (trade date) หรือไม่เกินวัน ครบกำหนดชาระเงิน (settlement date) หากมีเหตุจำเป็น ยกเว้นกรณีที่เป็นการทำธุรกรรมปกติของลูกค้าที่นิติบุคคลรับอนุญาตรู้จักดีและมีการทำ Know Your Customer (KYC) และ Customer Due Diligence (CDD) อย่างต่อเนื่อง ให้สามารถใช้กระบวนการ Know Your Business (KYB) ได้

อย่างไรก็ดี หากการทำธุรกรรมมีวัตถุประสงค์ตาม 4 ข้อด้านล่างและมีจำนวนเงินตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือเทียบเท่า ให้นิติบุคคลรับอนุญาตเรียกเอกสารประกอบการทำธุรกรรมโดยไม่สามารถใช้กระบวนการ KYB ได้

(1) เงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทย
(2) ค่าสินทรัพย์ดิจิทัล
(3) เงินทุนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินลงทุนในเครือ/สาขา เงินลงทุนในหลักทรัพย์ เงินกู้ เงินให้กู้ยืม และเงินส่วนต่างธุรกรรมอนุพันธ์
(4) วัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ค่าสินค้า บริการ รายได้ และเงินโอนและบริจาค เงินลงทุน ธนบัตรและเงินฝาก

อนึ่ง การทำธุรกรรมเพื่อวัตถุประสงค์ค่าสินทรัพย์ดิจิทัล ให้เรียกเอกสารแสดงแหล่งที่มาของสินทรัพย์ดิจิทัล หรือแหล่งที่มาของเงินที่นาไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มเติมด้วย

1.1.2 กรณีเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวกับค่าทองคำ ให้เรียกเอกสารที่แสดงว่าลูกค้ามีการขายทองคำในต่างประเทศทุกจำนวนเป็นรายธุรกรรมในวันทาธุรกรรม เว้นแต่เป็นการทำธุรกรรมนอกเวลาทาการ ให้เรียกเอกสารดังกล่าวภายในวันทำการถัดไปได้ รวมทั้งให้เรียกเอกสารเรียกเก็บเงินและเอกสารใบขนทองคำไม่เกิน 2 วันทำการนับจากวันครบกำหนดชำระเงิน

1.1.3 กรณีธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือเทียบเท่า ให้เรียกเอกสารที่แสดงว่าเป็นการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศ

1.2 ในการรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่ได้รับมาจากต่างประเทศที่เป็นธุรกรรมล่วงหน้า ให้นิติบุคคลรับอนุญาตถือปฏิบัติตามข้อ 17 (2) ของประกาศเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงิน ลงวันที่ 31 มีนาคม 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เช่นเดิม ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการทำธุรกรรมล่วงหน้าเพื่อวัตถุประสงค์ตามข้อ 1.1.1 (1) – (4) ให้นิติบุคคลรับอนุญาตเรียกเอกสารประกอบการทำธุรกรรมโดยไม่สามารถใช้กระบวนการ KYB ได้

2. การรับฝากเงินที่ได้รับจากต่างประเทศเข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ

ให้นิติบุคคลรับอนุญาตถือปฏิบัติเช่นเดียวกับการรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่เป็นธุรกรรมทันทีตามแต่ละกรณีที่กล่าวข้างต้นด้วย

ขอความร่วมมือปฏิบัติตามวิธีการข้างต้นตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป 

“การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เห็นชัดว่าเงินเข้ามาจากไหน และมีวัตถุประสงค์อะไร โดยครอบคลุมทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศ กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธุรกรรมตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป ซึ่งธุรกรรมปกติ เช่น คนทำงานต่างประเทศโอนเงินกลับ หรือการค้าขายที่มีเอกสารชัดเจน จะไม่ได้รับผลกระทบ และธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบตามมาตรฐานสากล” นายวิทัย กล่าว 

นายวทัย ระบุว่า หากดูอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันที่ยังอยู่ระดับแข็งค่า จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกใหม่ พบว่าแรงกดดันสำคัญมาจากการขายทองคำผ่านแอปพลิเคชันเป็นเงินบาท

โดยพบว่าเมื่อผู้ลงทุนหรือนักเก็งกำไรขายทองผ่านแอปพลิชันร้านทองจะต้องนำทองไปขายต่อในตลาดต่างประเทศเพื่อปิดความเสี่ยง (Square Position) ทำให้ได้รับเงินดอลลาร์ จากนั้นจึงนำดอลลาร์มาขายเพื่อซื้อเงินบาท ส่งผลให้เกิดแรงขายดอลลาร์จำนวนมาก และทำให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว

พิสูจน์ได้จากตัวเลขจริง โดยในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าหนักตลอดปีที่ผ่านมา กระแสการขายดอลลาร์จากการขายทองคำผ่านแอป มีสัดส่วนสูงถึง 40-50% ของยอดขายดอลลาร์ทั้งประเทศในบางช่วง และในบางเดือน เช่น เดือนสิงหาคม สัดส่วนดังกล่าวพุ่งสูงถึง 60% ของยอดขายดอลลาร์ทั้งหมด มากกว่าการขายดอลลาร์จากภาคส่งออก หรือเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดทุน

ทั้งนี้ หากดูธุรกิจค้าทองคำในไทยแทบไม่มีกรอบกำกับดูแล และ ธปท. อยู่ระหว่างการขออำนาจแก้ประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อเข้ามาดูแล ธุรกรรมซื้อขายทองคำที่ส่งผลถึงอัตราแลกเปลี่ยน ภายใต้ พ.ร.บ.เงินตราต่างประเทศ

ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการซื้อขายทองตามร้านทั่วไป และไม่กระทบการซื้อขายรายย่อยในแอป แต่จะมุ่งไปที่นักเก็งกำไรรายใหญ่ที่เทรดจำนวนมากและถี่ รวมถึงร้านทองรายใหญ่ที่มีแอปออนไลน์ประมาณ 5-15 ราย ซึ่งต้องร่วมกันปรับตัว คาดว่ามาตรการต่าง ๆ จะมีความชัดเจนได้ภายในกลางเดือนมกราคม 2569 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความผันผวน และลดแรงกดดันจากธุรกรรมที่ไม่ก่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจจริง

ข่าวล่าสุด

ไชยชนก ลั่น 6 เดือนต้องเสร็จ โอนเงินระบุตำแหน่ง ป้องมิจฉาชีพ