posttoday

ค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินออมได้

05 พฤศจิกายน 2563

คอลัมน์ ตลาดนัดการเงิน โดย...K-Expert อิสราภรณ์ บูรณิกานนท์ CFP? ที่ปรึกษาการเงิน ธนาคารกสิกรไทย

ในช่วงที่สถานการณ์โควิท ยังส่งผลลบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้ของผู้คนส่วนใหญ่ยังคงถูกกระทบ ทำให้รายได้ยังคงปรับตัวลง ถ้าหากไม่สามารถหารายได้เพิ่ม วิธีการที่จะพอช่วยให้มีเงินออมเพิ่มขึ้น ก็น่าจะเป็นการลดรายจ่ายลง โดยหากเป็นรายจ่ายที่จำเป็น อาจจะไม่สามารถทำการลดลงได้ แต่ถ้าเป็นการลดรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ที่เราสามารถลดลงได้โดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน จะส่งผลให้เราสามารถมีเงินออมเพิ่มขึ้นได้

รายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันที่สามารถลดลงได้ อาทิเช่น ค่าซื้อลอตเตอรี่ สำหรับคนที่ชอบซื้อลอตเตอรี่ เพื่อลุ้นโชคลุ้นรางวัล เคยลองคำนวณไหมว่า ในปีหนึ่ง ๆ เราหมดเงินไปกับค่าซื้อลอตเตอรี่เท่าไร โอกาสที่ได้รับรางวัลพอเพียงกับค่าใช้จ่ายซื้อลอตเตอรี่หรือไม่? ตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าซื้อลอตเตอรี่งวดละ 10 ใบ ตกเป็นค่าใช้จ่ายเดือนละ 2,000 บาท (เดือนละ 2 งวด) ถ้าไม่ถูกรางวัล เท่ากับปีหนึ่งเงินหายไปประมาณ 24,000 บาท เท่ากับเราทำทองคำหายไปปีละ 1 บาท ซึ่งถ้าหากเราสามารถงดเว้นการซื้อลอตเตอรี่ลงได้ เท่ากับเราได้ทองคำมาเก็บไว้ถึงปีละ 1 บาท

นอกจากค่าซื้อลอตเตอรี่แล้ว ในชีวิตประจำวันเรา ยังมีรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็น ที่สามารถลดลง และเพิ่มเงินออมได้อีก เช่น ค่ากาแฟ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือทานบุฟเฟ่ ฯลฯ ปกติกาแฟแก้วละประมาณ 50 บาท ถ้าเราทานทุกวัน จะหมดเงินไปกับค่ากาแฟถึงเดือนละ 1,500 บาท หรือทานบุฟเฟ่ อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ๆ ละประมาณ 200 บาท จะหมดเงินไปกับการทานบุฟเฟ่ถึงเดือนละ 1,600 บาท

ซึ่งถ้าหากรวมรายจ่ายค่าซื้อลอตเตอรี่ เดือนละ 2,000 บาท ค่ากาแฟเดือนละ 1,500 บาท และการทานอาหารบุฟเฟ่อีกเดือนละ 1,600 บาท ถ้าเราสามารถลดรายจ่ายดังกล่าวลงได้ จะทำให้เรามีเงินออมทั้งสิ้น 5,100 บาทต่อเดือน หรือครึ่งหมื่นเลยทีเดียว โดยที่ยังไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนหากเรานำเงินดังกล่าวไปออมหรือลงทุน

หรือ หากเราไม่สามารถละ เลิก พฤติกรรมดังกล่าวทั้งหมดได้ ก็อาจจะลดพฤติกรรมดังกล่าวลงครึ่งหนึ่ง เช่น เคยซื้อลอตเตอรี่งวดละ 10 ใบ ลดลงมาเหลืองวดละ 5 ใบ (ยังสามารลุ้นโชคหรือรางวัลได้ ถ้ามีโชคจริง ๆ ซื้อลอตเตอรี่ใบเดียว ก็น่าจะถูกรางวัลได้) ทำให้มีเงินออมเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,000 บาท หรือกาแฟ แทนที่จะทานทุกวัน อาจจะซื้อวันเว้นวัน สลับกับชงกาแฟทานเองบ้าง ก็จะทำให้มีเงินออมเพิ่มขึ้นเดือนละ 750 บาท หรือทานบุฟเฟ่เหลืออาทิตย์ละ 1 ครั้ง ก็มีเงินออมเพิ่มขึ้นอีก 800 บาท รวมแล้วคิดเป็นเงินออมต่อเดือนถึงเดือนละ 2,550 บาท ซึ่งหากนำเงินออมดังกล่าว ไปออมหรือลงทุน ก็จะสามารถเพิ่มผลตอบแทนได้อีก

ตาราง

ทั้งนี้ เมื่อเราสามารถประหยัดรายจ่ายฟุ่ยเฟือยในชีวิตประจำวันลงได้ โดยเราอาจจะมีรายจ่ายที่ไม่จำเป็นอื่น ๆ มากกว่าที่ยกตัวอย่างมา เงินที่ประหยัดได้จากการลด ละ เลิกรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงไป จะทำให้เรามีเงินออมหรือลงทุนเพื่อนำไป เพิ่มผลตอบแทนได้ ซึ่งหากไม่อยากเสี่ยงให้เงินต้นหาย แนะนำ บัญชี e-Saving เป็นบัญชีที่ไม่มีสมุดบัญชี หรือออมในรูปบัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน (ถ้าเก็บออมได้สม่ำเสมอทุกเดือน) ซึ่งทั้งบัญชี e-Saving และบัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน ให้ผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ปกติ และเงินไม่หายไปเหมือนถูกลอตเตอรี่กิน หรือหากรับความเสี่ยงได้บ้าง แต่ก็ไม่เสี่ยงเท่ากับการซื้อลอตเตอรี ก็อาจจะลงทุนในกองทุนตลาดเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

จะเห็นได้ว่า ถ้าเราสามารถละ เลิก พฤติกรรมเกี่ยวกับรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นลงได้ ก็จะทำให้เรามีเงินออม เงินลงทุนเพิ่มขึ้น และยังสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากเงินออมหรือเงินลงทุนดังกล่าวได้อีกด้วย