posttoday

ถึงไม่มีเรา เขาก็ทำได้ ต้องเชื่อแบบนั้นทุกสิ่งอย่างจะเดินไปได้

05 ตุลาคม 2563

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ ตอนที่ 40/2563 โดยสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร

ข้อเขียนวันนี้จะอยู่ในช่วงเวลาการเกษียณอายุการทำงานของผู้คน โดยเฉพาะท่านใดก็ตามที่ทำหน้าที่ในระบบราชการ ในวันที่ 30 กันยายน คนเก่าจบการทำงานในตำแหน่งที่นั่งอยู่ 1 ตุลาคม คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผู้เขียนเคารพนับถือท่านบอกว่า

1. ท่านจะไม่มีการฝากงานเก่าให้คนใหม่แบบที่ชอบพูดกันว่า ขอฝากเรื่อง... ให้ดำเนินการต่อถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ เพราะท่านคิดว่า คนใหม่ที่จะมาเขาจะคิดได้เอง เขามีศักยภาพ?แน่ๆ เขาถึงได้มาทำแทนเรา เขามีความรับผิดรับชอบกับสิ่งที่เขาจะทำเต็มที่ เราจบแล้วในบทบาทของเรา การที่จะไปบอกว่า... อยากจะขอฝากเรื่อง... หรือบอกว่าได้วางรากฐานไว้ให้แล้ว... หรือบอกว่ายังมีความท้าทายอะไรที่จะต้องทำต่อไปคือ... ท่านผู้ใหญ่ที่ให้ข้อคิดผมบอกว่า ต้องให้คนใหม่เขาคิดเอง ถ้าเขาไม่ถามเราก็ไม่ควรไปพูดอะไร ไม่มีใครอยากย่ำรอยเท้าใคร ทุกๆ คนเขามีทางมีรอยเท้าของตนเอง เหตุเพราะตัวเรารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราทำผ่านมาภายใต้อำนาจเรานั้นมันจะดีที่สุดในอนาคตในระยะต่อไปสถานการณ์มันแปรเปลี่ยนไปเสมอในโลกที่ไม่แน่นอน

2. คำกล่าวลาที่ท่านผู้ใหญ่ได้เล่าให้ฟังเวลาท่านขึ้นเวทีการให้เกียรติ ท่านจะพูดว่า... ภูมิใจที่ได้ทำงานในตำแหน่งแห่งที่ตรงนี้ และดีใจที่ได้ลุกไปจากที่ตรงนี้ ไม่มีอะไรจะฝากให้คิดให้ทำต่อ ขอให้ไปคิดเอาเองนะ...

3. ต่อคำถามที่ว่า แล้วจะไปทำอะไรต่อหลังเกษียณ ท่านให้ข้อคิดดังนี้

3.1 นอนให้มากหลังเกษียณโดยไม่ต้องตั้งเวลาปลุกอีกต่อไปแล้ว

3.2 ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าทานเองง่ายๆ เน้นสุขภาพ จะระลึกได้ว่าตัวเรายิ่งใหญ่แค่ไหนก็กินได้แค่นี้แหล่ะ

3.3 ออกกำลังกาย จะเดิน / วิ่งบนลู่วิ่ง เดิน / วิ่งในหมู่บ้าน เดิน /วิ่ง ในสวนสาธารณะให้เป็นประจำ เป็นนิสัยใหม่ เป็น next normal ของชีวิต ที่สำคัญมากๆคือใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ การ์ดห้ามตก

3.4 ไม่ต้องออกความเห็นในเรื่องงานที่เราเคยทำ อยู่เงียบๆ ถ้าไม่มีใครถามหรือแม้มีใครถามก็ควรบอกว่า ให้คนที่ดูแลในปัจจุบันเขาตอบดีกว่า เราหมดหน้าที่แล้ว ไม่มีข้อมูลอัปเดตมากพอที่จะตอบคำถามในสิ่งที่เคยมีบทบาทในการทำงานนั้นเหตุเพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ที่สำคัญอย่าไปทะเยอทะยานว่า สิ่งที่เราได้เคยทำมามันจะต้องให้เราไปต่อในงานการเป็นที่ปรึกษาบ้างล่ะ กรรมการบ้างล่ะ ผู้ทรงคุณวุฒิบ้างล่ะ ถ้าไม่มีองค์กรใดเชิญมาด้วยความเต็มใจแบบตรงไปตรงมา ก็ไม่ต้องไปวิ่งไปหาใครต่อใคร ให้บอก ให้สั่ง ให้ขอกับองค์กรใดๆ มาตั้งให้ตัวเราเข้าไปเป็นโน่นนี่ เพราะแท้จริงแล้วมันเกิดจากเราอยากไป ไม่ใช่ทางเขาที่จะรับเราอยากให้มา เรื่องแบบนี้มันต้องคิดได้เอง ยิ่งประเภทต้องเดินตามธรรมเนียมปฏิบัติที่วางไว้ทั้งที่เป็นแบบอย่างที่ควรยุบเลิก คิดนิดนึงว่ามันงดงามตามสายตาชาวบ้านหรือไม่ เหมาะควรแก่กาละและเทศะหรือไม่

3.5 กลับไปดูแลพระที่บ้านหากท่านยังอยู่กับเรา ดูแลอาหารการกิน ดูแลสุขภาพกาย/ใจของท่านเหล่านั้น พระที่บ้านหมายถึงทุกท่านไม่ใช่แต่เพียงพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ แต่หมายรวมถึงทุกๆคนที่มีส่วนในการดูแลตัวของเราในช่วงเวลาที่เราทำงานในตำแหน่งหน้าที่นั้นๆ

ทุกสิ่งที่ผ่านมาล้วนดีทั้งสิ้น

ทุกสิ่งล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมลง ดับไป

มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศย่อมเสื่อมยศ

คนจะรู้จักเราเมื่อเรามีตำแหน่ง แต่ตัวเราจะรู้จักคนเมื่อเราไม่มีตำแหน่ง

จะเห็นเพื่อนแท้ในยามยาก ก็ไอ้ตรงช่วงที่มีความลำบากหลังเกษียณนี่แหละ

ต้องเตรียมกายและเตรียมใจกับการล้มหายตายจาก เพราะงานที่จะไปพบสังสรรค์ต่อไปนี้คืองานแต่งของลูกหลาน และงานศพของเพื่อนฝูง / งานศพของบุพการีหรือผู้ใหญ่ที่เรารู้จักมักคุ้น เพื่อให้เกิดความคุ้นชินหรือซ้อมเอาไว้ก่อนสำหรับตัวเองเมื่อเวลามันจะมาถึง

ได้อ่านและเห็นใครต่อใครส่งข้อความนี้ผ่านไลน์มา เห็นว่าน่าจะส่งต่อได้ เลยขอนำมาลงในข้อเขียนวันนี้ และขอขอบคุณท่านที่คิดข้อความนี้ ไว้ในโอกาสนี้ด้วยนะครับ ข้อความมีอยู่ว่า

หัวโขน

หัวเอย..หัวโขน

มีทั้งหัว นี่นั่นโน่น หลากหลายหน้า

ทั้งหัวลิง หัวยักษ์ หัวเทวดา

อีกหัวอื่น นับนานา มาเรียงราย

บางคนใส่ นานไป ก็คุ้นชิน

ยามหัวโขน ผกผิน บินวับหาย

มักเกิดทุกข์ ซึมเศร้า เหงาเดียวดาย

ดุจหัวตน ขาดหาย ไปกระนั้น

ในชีวิตที่เหลืออยู่หลังเกษียณขอจงตั้งมั่นในจินตนาการที่จะดำรงตนต่อไปคือ

.. จะดูแลตัวเอง ไม่ให้เป็นภาระลูกหลาน และจะดูแล ลูกหลาน ไม่ให้เป็นภาระต่อสังคม...

อัน "ความสุข" เหนืออื่นใดกว่า"ความสงบ" นั้นไม่มี