posttoday

วิธีการทำการค้าให้กำไรดีสี่วิธี

29 มิถุนายน 2563

ถ้าคุณอยากเป็นผู้รอดชีวิตในเกมส์ทุนนิยม คุณต้องเข้าใจวิธีการทำกำไร 4 แบบนี้

1. ขายของได้ในปริมาณที่สูงมาก (High Volumes)

ผมเคยเจอเคสของผู้ประกอบการขายเสื้อผ้าที่อยู่ที่โบ๊เบ๊ เขาขายเสื้อผ้าราคาไม่แพง และกำไรไม่เยอะ แต่เน้นปริมาณ โดยจะขายให้กับผู้ค้ารายย่อยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ สินคัาสั่งกันทีเป็นล้อตใหญ่ บางเจ้ามาซื้อทีเป็นตู้คอนเทนเนอร์

ถึงแม้กำไรต่อหน่วยจะไม่เยอะ แต่ถูกชดเชยด้วยปริมาณที่สูงมาก จากการสั่งซื้อจากผู้ค้าปลีก และผู้ค้าส่งจากต่างประเทศ

2. ขายของได้ในปริมาณที่ความถี่สูงมาก (High Frequencies)

คนที่ขายของได้ในปริมาณความถี่ที่สูงมาก และเกิดการซื้อซ้ำบ่อยๆ ผมเคยเห็นคนรอคิวต่อซื้อข้าวจาก ร้านหมูทอดเจ๊จง เขาไม่ได้ขายในปริมาณที่มาก เพราะคนที่มากิน กินจานสองจานก็อิ่มแล้ว และคนที่มาซื้อก็ไม่ได้เอาไปขายต่อ แต่เขาทุกวัน ขายทั้งวัน เพราะคนก็ต้องกินข้าวทุกวัน แม้จะมีกำไรต่อหน่วยไม่เยอะ ไม่ได้ขายราคาแพง แต่ชดเชยด้วยความถี่ที่สูงขนาดนี้ ย่อมทำให้เกิดกำไรที่มหาศาล

3. ขายของที่มีกำไรสุทธิต่อหน่วยสูงมาก (High Net Profit Margin)

สินค้าบางอย่างตั้งราคาโดยมี อัตราการทำกำไรสุทธิต่อหน่วย (Net Profit Margin) สูงมาก เห็นได้จากอุตสาหกรรมประเภทอาหารเสริม เครื่องสำอาง ขายตรง ของบางอย่างต้นทุนมา 10 บาท แต่ขายได้ในราคา 100 บาท เท่ากับ gross profit margin สูงถึง 900% และหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารแล้ว จึงทำให้อัตราการทำกำไรสุทธิต่อหน่วยอยู่ในระดับสูง

4. ขายของในราคาที่สูงมาก (High Price)

เช่นนายหน้าสามารถปิดการขายที่ดินในราคา 1,000 ล้านบาทได้ ค่าคอมมิชชั่นที่เขาจะได้รับคือ 3% หรือคิดเป็นเงิน 30 ล้านบาท

เมื่อเราเอาเรื่องการทำกำไรมาใช้ในตลาดหุ้น เราจะพบว่าตรรกะดังกล่าวประยุกต์ใช้ได้ดังนี้

1. High Volume ขายหุ้นในปริมาณที่สูงมาก

เป็นวิธีการทำกำไรของ proprietary trade ตามสถาบัน เนื่องจากกฏระเบียบของการเทรด เขาไม่สามารถถือหุ้นยาวๆได้หลายวัน ดังนั้น การซื้อหุ้นจะซื้อหุ้นในปริมาณที่สูงมาก เช่นซื้อ PTT จำนวน 1 ล้านหุ้น โดยที่ค่าคอมมิชชั่นน้อยมาก เขาสามารถทำกำไรได้ถึงช่องละ 250,000 บาท

Prop Trade จะเน้นเทรดแบบ Daytrade โดยการเน้นการซื้อขายระยะสั้น เพื่อทำกำไรให้จบภายในวัน ได้กำไรเป็น % ที่ไม่เยอะ แต่ด้วยปริมาณ volume ที่สูง เขาก็จะทำกำไรได้เยอะ

2. High Frequencies ขายหุ้นในความถี่ที่สูงมาก

ถ้าใครที่เทรดหุ้นเป็นประจำ จะรู้ว่าปัจจุบัน มีโปรแกรม High Frequencies Trading ฝังอยู่ในการซื้อขายหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ และเป็นโปรแกรมที่ถูกตั้งขึ้นมา ไม่ใช่มนุษย์

หลักการทำงานของ HFT ก็คือโปรแกรมจะเข้าทำการซื้อหรือขายหุ้น โดยการแย่ง Order จากนักลงทุนรายใหญ่ เทรดเดอร์มือหนัก สถาบัน และ Proptrade ทันทีที่มีการซื้อหุ้นในปริมาณที่สูงมาก

สมมติเราเคาะซื้อ PTT จำนวน 5 ล้านหุ้น ในขณะที่ราคา OFFER มีจำนวน 3 ล้านหุ้นที่ราคา 36 บาท

ในความเป็นจริง การซื้อในไม่เดียว เราควรได้ PTT คนเดียว 3 ล้านหุ้น ส่วนอีก 2 ล้านหุ้น เราจะกลายเป็น BID แทน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราอาจได้ PTT มาเพียง 2 ล้านหุ้น ส่วนอีก 1 ล้านหุ้น HFT เป็นคนแย่ง order ไปในระดับ milli-second และ order เราจะกลายเป็น BID 3 ล้านหุ้นแทน

HFT ใช้วิธีการต่อ tube เข้าโดยตรงกับตลาด (direct market access) ซึ่งผมเข้าใจว่ายังไม่ถูกกฏหมาย แต่มีคนแอบทำ

3. High Net Profit Margin

วิธีการแบบนี้คือการรันเทรนด์แบบสุดเทรนด์หรือเป็นการลงทุนแบบเน้นคุณค่าแบบ Value Investing โดยไม่จำเป็นต้องใช้ปริมาณเยอะ แต่ต้องทนกำไรให้เยอะ วิธีการนี้คือต้องใช้เวลานาน

เช่นใครที่จองซื้อ PTT มาจำนวน 10,000 หุ้นลงทุนไป 350,000 บาท (ราคาพาร์ 10 บาท) ในวันที่ initial public offering ในวันนี้เขาจะสามารถขาย PTT ในราคา 37 บาท จำนวน 100,000 หุ้น (ราคาพาร์ 1 บาท) เท่ากับคิดเป็นอัตราการทำกำไรเกือบ 1,000% หรือ 10 เท่า

4. High Price

วิธีการนี้เป็นวิธีการที่เจ้าของธุรกิจนำบริษัทตนเองเข้าไปจดในตลาดหลักทรัพย์ ราคาพาร์คือราคาที่เจ้าของลงทุน อาจจะราคา 1 บาท แต่ตอนที่มีการเสนอขายต่อประชาชนครั้งแรก อาจเสนอขายได้สูงถึง 55 บาท

กำไร 54 บาท คือส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่นักลงทุนต้องจ่ายให้กับบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดี

ในขณะที่เมื่อจดทะเบียนเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ถ้าผลประกอบการยังโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นอยู่ที่ 400 บาท เจ้าของจะกำไรประมาณ 400 เท่า

(ราคาหุ้น EA ราคาพาร์ 0.1 บาท ราคา IPO 5.5 บาท และราคาปัจจุบัน 40 บาท)

ถ้าคุณอยากเป็นผู้รอดชีวิตในเกมส์ทุนนิยม คุณต้องเข้าใจวิธีการทำกำไร 4 แบบนี้ และเอาดีด้วยวิธีการใด วิธีการหนึ่ง หากปราศจากความเข้าใจแล้ว คุณก็อาจต้องวนเวียนกับการ ซื้อๆขายๆ ที่กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย