posttoday

เพิ่มพูนโอกาสในกองทุนตราสารหนี้

18 พฤษภาคม 2563

คอลัมน์ ห้องความรู้บัวหลวง โดย...พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPTTM กองทุนบัวหลวง

กองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นเครื่องมือการลงทุนที่นักลงทุนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งนิยมใช้เป็นแหล่งพักเงิน เงินสำรองฉุกเฉิน รวมถึงใช้เป็นสภาพคล่อง

สำหรับปรับพอร์ตลงทุน และลดความเสี่ยงในการจัดพอร์ตลงทุนด้วย (Asset Allocation) ความคุ้นเคยจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นนี้ อาจทำให้ผู้ลงทุนส่วนหนึ่งเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่า การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ “ไม่มีทางขาดทุน” แต่ว่า ในความเป็นจริงแล้ว การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้มีโอกาสขาดทุนได้เช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับอัตราผลตอบแทนของตลาด (Market Yield) ในวันนั้น คำนวณกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมตราสารหนี้ให้สะท้อนราคาที่เป็นธรรม (Mark to Market) ตามกฎเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. รวมถึงความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกตราสารจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถพิจารณาจากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ก่อนตัดสินใจลงทุน

การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ จึงมีความเสี่ยงตั้งแต่ระดับต่ำถึงปานกลางค่อนข้างสูง โดย นักลงทุนควรเลือกให้สอดคล้องกับเป้าหมายและระยะเวลาลงทุน เพราะความผันผวนของราคาตราสารหนี้จะลดลงและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม หากผู้ลงทุนถือครองได้ตามอายุคงเหลือของตราสารหนี้ สำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะปานกลางควรถือครองประมาณ 1 - 3 ปี กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาวควรถือครองประมาณ 3 - 7 ปี โดยพิจารณาควบคู่ไปกับอันดับความน่าเชื่อถือและศึกษาข้อมูลจากหนังสือชี้ชวน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า กองทุนรวมตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็ยังน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ นักลงทุนจึงให้ความสนใจ โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดการลงทุนมีความผันผวน กองทุนรวมตราสารหนี้ที่ถูกจัดอันดับในกลุ่ม Non – Investment Grade หรือกลุ่มเก็งกำไรตั้งแต่ BBB- ถึง D และตราสารหนี้กลุ่ม Unrated Securities หรือของดีที่ไม่ได้รับการจัดอันดับ จะถูกเลือกไว้อยู่ในใจของนักลงทุนเสมอ

สำหรับ กองทุนบัวหลวง ก็มีกองทุนที่ชื่อว่า “กองทุนเปิดบัวหลวงเพิ่มพูน (B-ENHANCED)” เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยคงเหลือ (Duration) ประมาณ 1 - 7 ปี กระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภท ทั้งแบบ Investment Grade, Non-Investment Grade และ Unrated Securities สามารถลงทุนในต่างประเทศเฉลี่ยไม่เกิน 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เหมาะสำหรับการลงทุนมากกว่า 1 ปีขึ้นไป นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจของกองทุนรวมตราสารหนี้ในภาวะที่ตลาดลงทุนมีความเปลี่ยนแปลง