posttoday

BF Knowledge Tip:ณ จุดๆ นี้ ลงทุนอะไรดี

02 เมษายน 2563

คอลัมน์ ห้องความรู้บัวหลวง โดย...อรพรรณ บัวประชุม CFP? กองทุนบัวหลวง

จังหวะนี้ จะลงทุนอะไรก็ดูน่ากลัว น่ากังวลไปหมด แม้แต่ตลาดหุ้นไทย เมื่อไม่กี่วันก่อน แค่เปิดตลาดมาก็ถึงกับช็อคไป เพราะ SET Index ตัวแดงเถือก ติดลบไปเกือบ 100 จุด จะหันไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลาดน้ำมัน ก็ดูน่ากลัวอีก สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย จะไปลงทุนในทองคำก็ปรับตัวสูงปรี๊ด จนไม่กล้าเข้าไปลงทุนอีก เพราะกลัวจะอยู่บนดอยอันเดียวดาย

นั่นเป็นเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำเอานักลงทุนอย่างเราถึงกับหน้ามืด ตาลาย เห็นแต่ตัวแดงระยิบระยับ เหมือนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวภายใต้ฝุ่น PM2.5 แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายๆ เข้ามา แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังต้องกินต้องใช้ ดังนั้น การจัดการกับเงินที่มีอย่างจำกัดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

เงินว่าหายากแล้ว ผลตอบแทนยิ่งหายากกว่า หากอยาก Safe ต้นไม่หาย ดอกไม่ค่อยออก คงต้องฝากออมทรัพย์หรือลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นกันต่อไป หากอยาก Fixed แบบลงทุนยาว 6 เดือนในกองทุนตราสารหนี้ (Term Fund) ฉุกเฉิน อยากใช้เงินก็คงลำบาก เพราะไม่สามารถขายคืนได้ ดังนั้น หากอยากได้ผลตอบแทนเพิ่มอีกนิด เสี่ยงเพิ่มอีกหน่อย ก็ต้องขยับเข้าไปหาตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว เพราะการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุในการลงทุนยาว ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงภาวะที่นับวันอัตราดอกเบี้ยยิ่งน้อยลงๆ

การเลือกลงทุนในตราสารหนี้ นอกจากอายุของตราสารหนี้แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มีผลกับผลตอบแทน นั่นก็คือ อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ (Credit Rating) ยิ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือสูงๆ ในระดับ Investment Grade (กลุ่มระดับลงทุน) มี A เยอะๆ (AAA จนถึง BBB-) แสดงว่าเป็นบริษัทที่มั่นคงมาก ผลประกอบการดี ดังนั้น เขาก็จะจ่ายดอกเบี้ยให้น้อย แต่หากเป็นบริษัทที่ถูกจัดอยู่ในระดับ Non-Investment Grade (กลุ่มต่ำกว่าระดับลงทุน ตั้งแต่ BB+ ลงมาจนถึง D) จำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ยให้สูงขึ้น เพราะต้องบวกเพิ่มค่าความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุน

แต่ถ้าหากเป็นหุ้นกู้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated) ยิ่งมีความเสี่ยงที่สูงมาก หากจะออกหุ้นกู้มาให้เราลงทุนก็ต้องให้ดอกเบี้ยเยอะกว่า นี่จึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญและให้ความสนใจ เพราะจะทำให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นนั่นเอง แต่ในขณะเดียวกันความเสี่ยงก็สูงขึ้นไปด้วย

ดังนั้น หากมีกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางถึงระยะยาว และมีการเลือกลงทุนในตราสารหนี้ในกลุ่มที่ต่ำกว่าระดับลงทุน ก็เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนขยับขึ้นมาได้ และจะเปิดโอกาสมากขึ้นไปอีกถ้ามีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ด้วย

ที่สำคัญ การเลือกลงทุนในกองทุนรวมใช้เงินลงทุนไม่มาก เพียงแค่ 500 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าหนี้บริษัทได้มากมาย มีความเสี่ยงไม่มากนัก มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนรวมตลาดเงิน และไม่ต้องรอขายคืนเหมือน Term fund จึงเป็นทางเลือกอีกทางสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก ทั้งเปิดโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นอีกสักนิด