posttoday

4 เหตุผลที่ควรลงทุน LTF ปีสุดท้ายให้เต็มสิทธิ์

25 ธันวาคม 2562

คอลัมน์ เข็มทิศนักลงทุน

คอลัมน์ เข็มทิศนักลงทุน

เรื่อง 4 เหตุผลที่ควรลงทุน LTF ปีสุดท้ายให้เต็มสิทธิ์

โดย กิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ

ผู้บริหารฝ่าย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย

...........................................................................................

เป็นที่ทราบกันแล้วว่ากองทุนใหม่ที่จะมาแทนที่กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้น ก็คือ กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund : SSF) ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้คนไทยผู้มีรายได้เกิดการออมเงินในระยะยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ โดยผู้ลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ปี 63 เป็นต้นไป ดังนั้น ในปีนี้ซึ่งถือเป็นปีสุดท้ายที่ผู้ลงทุนจะได้ลงทุนใน LTF กัน ก็อยากแนะนำให้ลงทุน LTF กันให้เต็มสิทธิ์ ด้วย 4 เหตุผลที่ผู้ลงทุนจะมีแต่ ‘ได้กับได้’

1. วงเงินหักลดหย่อนภาษีที่ได้มากกว่า

ผู้ลงทุนสามารถลงทุนใน LTF ได้ 15% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ในขณะที่ข้อบังคับใหม่กำหนดให้ กองทุน SSF ลงทุนได้ 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับ LTF จะเห็นได้ว่า แม้ว่าผู้ลงทุนจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีที่มากขึ้นจากเดิม 15% เป็น 30% แต่กลับได้รับวงเงินหักลดหย่อนภาษีที่น้อยลงจาก 500,000 บาท เป็น 200,000 บาทเท่านั้น

2. ได้กำไรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

การลงทุนใน LTF นอกจากจะเป็นการปล่อยให้เงินทำงานเพื่อสร้างผลกำไรในระยะยาวแล้ว ผู้ลงทุนยังจะได้รับเงินคืนภาษีจากการหักลดหย่อนในปีที่มีการลงทุน ซึ่งเปรียบได้กับกำไรในระยะสั้นที่ได้รับจากการลงทุนใน LTF ทันที

3. สามารถขายคืนได้เร็วกว่า

ข้อบังคับใหม่กำหนดให้กองทุน SSF สามารถขายคืนได้เมื่อถือมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปีบริบูรณ์นับจากวันที่ซื้อ โดยนับวันชนวัน ในขณะที่กองทุน LTF สามารถขายคืนได้เมื่อถือมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปีปฏิทิน โดยไม่ได้นับปีชนปี ตัวอย่างเช่น ผู้ลงทุนซื้อ LTF ในวันที่ 30 ธ.ค. 62 เท่ากับปีปฏิทินที่ 1 และเมื่อขายคืน 1 ม.ค. 68 เท่ากับเป็นปีปฏิทินที่ 7 ดังนั้น ระยะเวลาถือครองจริงๆ คือ 5 ปีเศษเท่านั้น

4. ได้รับการดูแลจากผู้จัดการกองทุนอย่างดีเช่นเดิม

ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังมีความกังวลว่าหากปีหน้าไม่มีการขาย LTF แล้ว กองทุนจะมีขนาดเล็กลง ซึ่งอาจส่งผลให้กองทุนทำกำไรได้น้อยลง แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นขนาดของกองทุนไม่ได้มีผลต่อการทำกำไรของกองทุนแต่อย่างใด ผลการดำเนินงานจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับฝีไม้ลายมือการบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุน LTF ที่จะคอยคัดสรรหุ้นไทยศักยภาพดี พร้อมบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามสถานการณ์ เพื่อสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอมากกว่า

รู้อย่างนี้แล้วอย่ารอช้า…รีบมาลงทุน LTF ปีสุดท้ายให้เต็มสิทธิ์กับกองทุน LTF ของบลจ.กสิกรไทย โดยลงทุนง่ายๆ เริ่มต้นได้เพียง 500 บาทผ่านแอป K-My Funds, K PLUS, ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888