ครอบครัวยอดมนุษย์

โดย  เพรงเทพ

14 ปีเต็มหลังจากภาคแรกที่สามารถชนะรางวัลออสการ์มาได้ การกลับมาอีกครั้งของครอบครัวยอดมนุษย์หรือซูเปอร์ฮีโร่ในตระกูลพาร์ ซึ่งประกอบด้วย บ๊อบ ผู้เป็นพ่อในฐานะยอดมนุษย์ชื่อ มิสเตอร์อินเครดิเบิล เฮเลน แม่ หรืออิลาสติเกิร์ล ลูกอีก 3 คน พี่สาวคนโต ไวโอเล็ต น้องชายคนกลาง แดช และน้องชายคนสุดท้องที่ยังเป็นทารก แจ๊ค-แจ๊ค

อย่างหนึ่งต้องยอมรับว่าหนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้ เนื้อหาค่อนข้างจะเครียด มีมิติของความเป็นครอบครัวและวิพากษ์โครงสร้างใหญ่ของสังคมที่มีแต่ความจอมปลอม รวมถึงช่องว่างระหว่างชนชั้นคนรวยและคนจน ซึ่งมีระบบกฎหมายควบคุมอยู่

หากถอดความเป็นการ์ตูนออกไปจากการนำเสนอ “The Incredibles 2” คือภาคนี้ และ “The Incredibles” เป็นหนังที่สะท้อนมุมมองและเสนอความย้อนแย้งของผู้คนในสังคมระดับมันสมองของสังคมได้ดีทีเดียว มีความลึกซึ้งให้พึงครุ่นคิดมาเปรียบเทียบกับความเป็นไปในโลกของความจริงได้อย่างต้องสะอึกเลยทีเดียว

ในแง่ของความบันเทิงและโปรดักชั่นในการสร้างถือว่ามีรูปแบบและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของปิซ่าร์อยู่แล้ว ซึ่งแอนิเมชั่นของที่นี่จะสีสันจัดจ้านร้อนแรงและไม่หวือหวาตื่นเต้นจนเลยเถิด เน้นอารมณ์ความรู้สึกในแบบดราม่าเรื่องชีวิตและความสัมพันธ์มาผสมผสานอย่างลงตัว

“The Incredibles 2” นำเสนอถึงจุดวิกฤตของเหล่ายอดมนุษย์ ซึ่งถูกลงโทษทางสังคมผ่านกฎหมาย โดยเฉพาะครอบครัวพาร์ที่ใจสลายถูกประกาศให้ผิดกฎหมายถูกบีบให้ลงใต้ดิน รวมถึงกำลังถังแตกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังคำที่พวกเขาตัดพ้อคนที่มีอำนาจกำหนดว่า “พวกนักการเมืองไม่สนใจคนที่ทำความดีหรือทำในสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อกฎหมายไม่ยุติธรรม เราก็ต้องแก้กฎหมายไม่อย่างนั้นโลกก็ปั่นป่วน”

ว่าไปแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ตัวเอง แม้ผู้คนจะยอมรับว่ายอดมนุษย์หรือซูเปอร์ฮีโร่ คือแนวปราการหลังด่านสุดท้ายที่จะปกป้องโลกให้อยู่อย่างสงบจากเหล่าร้ายและอาชญากร

การได้มาพบกับพี่น้องตระกูลดีเวอร์ แห่งบริษัท เดฟเทค ซึ่งพี่ชายคลั่งไคล้ยอดมนุษย์ แต่มีน้องสาวยอดนักประดิษฐ์เป็นมันสมองของบริษัท อิลาสติเกิร์ล ถูกนำมาฟื้นฟูและสร้างให้เป็นโฟกัสของสังคม เป็นตัวดาวเด่นเพื่อนำไปสู่การแก้กฎหมาย ซึ่งกว่า 15 ปีของการบีบบังคับให้ยอดมนุษย์ยอมจำนน

การนำซูเปอร์ฮีโร่คืนสู่สังคม โดยยอดมนุษย์หญิงทำให้ถูกกฎหมายอีกครั้งในทั่วโลก จึงเป็นการเดินเรื่องที่คู่ขนานไปกับสภาพของมนุษย์พ่อ มิสเตอร์อินเครดิเบิล ซึ่งต้องรับหน้าที่ดูแลแทนแม่ และเป็นความสับสนยุ่งเหยิงยากที่จะตั้งรับ ทั้งการเข้าสู่วัยรุ่นของลูกสาวคนโต ความซนฉกาจและปวดหัวเรื่องสอนการบ้านลูกชายคนกลาง และหนักหนาสาหัสสากรรจ์กับการรับมือพลังของยอดมนุษย์จากลูกชายคนเล็กที่มีหลากหลายและมหาศาลแต่ยังควบคุมไม่ได้

การเผชิญสถานะของเหล่ายอดมนุษย์จากทั่วโลก ต้องเผชิญกับตัวร้ายที่มาในคราบไคลของสกรีนสลาฟเวอร์ ที่มีมุมมองด้านลบต่อเหล่ายอดมนุษย์ด้วยปมที่ค้างคาอยู่ในจิตใจ การมองว่า ซูเปอร์ฮีโร่ ทำให้ผู้คนมีความเกียจคร้านที่ไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ ซูเปอร์ฮีโร่เป็นตัวแทนของความมักง่ายของคนเพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญปัญหาด้วยตัวเองอีก และไม่ต้องเสี่ยงใดๆ คนยอมลดคุณภาพเพื่อให้ตัวเองสบาย ซูเปอร์ฮีโร่ทำให้คนอ่อนแอ และจะทำให้ยอดมนุษย์เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายตลอดไป

ฉากไล่ล่าในตอนท้ายเรื่อง การชิงเหลี่ยมชิงไหวชิงพริบ และการเปิดเผยตัวของจอมบงการทำให้มีความน่าตื่นเต้นและลุ้นระทึกสมกับเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แบบเอาอยู่ได้อย่างสวยงาม แม้จะไม่มีความใหม่หรือทีเด็ดทีขาดในการตรึงใจผู้ชมด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึงมากนักก็ตาม สามารถเดาดักทางสถานการณ์ของฉากถัดมาว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้ก็ตาม

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจและถือเป็นเรื่องใหญ่ก็คือ สมดุลชีวิตกับการเป็นยอดมนุษย์ ซึ่งหมายถึงชีวิตครอบครัวและการรับใช้สังคม รวมถึงสร้างความชื่นมื่นในการปกปิดตัวตนของเหล่ายอดมนุษย์ให้ลึกลับอย่างมีเสน่ห์

อีกอย่างที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูดีคือ ตัวละครประกอบสำคัญสองตัวที่สอดแทรกเป็นลูกเล่นคั่นอารมณ์ ก็คือ ฟรอเซ่นวัน กับ เอ็ดน่า ที่คอยบรรเทาภาระและช่วยเหลือครอบครัวพาร์

ที่สำคัญอีกอย่างคือ การซ่อนของเนื้อสารที่ให้ความสำคัญของเพศหญิงในความเป็นแม่และดูแลครอบครัว แถมยังคอยพิทักษ์โลก คล้ายๆ มือข้างหนึ่งคอยไกวเปล และอีกข้างถือดาบฟาดฟันศัตรู

การคืนสถานภาพทางกฎหมายดังเดิมให้กับซูเปอร์ฮีโร่ในตอนจบ ทำให้เป็นนัยให้คาดเดาได้ว่า แอนิเมชั่นเรื่องนี้คงไม่มีภาคต่อหรือภาค 3 อีกแล้วอย่างแน่นอน