posttoday

ทำเต็มที่กับทุกอย่างในชีวิต เกษรา วัฒนสังข์

31 พฤษภาคม 2561

ความฝันสูงสุดของ เฟิร์น-เกษรา วัฒนสังข์ วัย 22 ปี สำเร็จแล้ว หลังจากคว้าตำแหน่งไทยซูเปอร์โมเดล 2018 มาสดๆ ร้อนๆ

เรื่อง วราภรณ์ ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

ความฝันสูงสุดของ เฟิร์น-เกษรา วัฒนสังข์ วัย 22 ปี สำเร็จแล้ว หลังจากคว้าตำแหน่งไทยซูเปอร์โมเดล 2018 มาสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่นานมานี้ ได้ครอบครองรางวัลเงินสด 5 แสนบาท รถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต

เฟิร์นขึ้นเวทีประกวดนางแบบด้วยท่วงท่าการเดินที่มาดมั่น ด้วยความที่เคยเป็นนางแบบมือสมัครเล่นก่อนจะผลักดันส่งตัวเองเข้าประกวดบนเวทีนางแบบเป็นครั้งแรก เพราะมั่นใจด้านความสูงและใบหน้าที่คมขำของตนเอง

“ประสบการณ์เดินแบบครั้งแรกของเฟิร์น คือ ตอนเรียนชั้นมัธยม 6 พอมาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย คณะมนุษยศาสตร์ สาขาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา รุ่นพี่ชักชวนให้เฟิร์นลงประกวดดาวของสาขา แต่เฟิร์นไม่ได้เข้าถึงรอบเดือนของคณะ พอดีเพื่อนที่คณะส่งลิงค์สมัครไทยซูเปอร์โมเดลของช่อง 7 มาให้ เฟิร์นจึงสมัครทางเว็บไซต์โดยไม่ได้บอกแม่ ที่ไม่บอกเพราะกลัวแม่เป็นกังวล แต่ลึกๆ แม่ก็อยากให้เฟิร์นประกวดสักเวที”

แล้วเกษราก็สามารถผ่านเข้ารอบ 20 คน ฝ่าฟันผู้สมัครราว 700 คน เพราะมีแม่เป็นกำลังใจสำคัญ สำหรับการเตรียมตัวเพื่อคว้าชัยชนะมาครอง เกษราบอกว่า ความมั่นใจในตัวเองสำคัญที่สุด

“ก่อนขึ้นเวทีประกวดจริง เฟิร์นดูคลิปของรุ่นพี่ๆ ไทยซูเปอร์โมเดลในการเดินแบบ แล้วศึกษาท่วงท่าการเดินลองหัดใส่รองเท้าส้นสูง พอเข้ารอบ 20 คน ได้เรียนเพิ่มศักยภาพตัวเองกับครูอุ๋ม-อาภาศิริ นิติพน ที่สอนเรื่องเดินแบบ ได้ทริกที่ละเอียดมากขึ้น เช่น วิธีกำหนดไหล่ เดินอย่างไรให้เห็นเคิร์ฟของเรา ทักษะการบิดตัวโชว์ สอนฟูลเทิร์น แต่ครูแนะนำว่าอย่าเพิ่งทำบนเวทีประกวด เพราะของแบบนี้ต้องใช้เวลาฝึกฝน ก็เหมือนได้เปิดโลกการเดินแบบให้กว้างขึ้น ทำให้เฟิร์นอยากเก่งเหมือนคุณครู เพราะครูดูสง่างาม และครูอุ๋มใส่ใจทุกรายละเอียด ครูจี้เรื่องการเดินของเฟิร์นสายตาอย่างลอกแลกต้องมีโฟกัส”

ทำเต็มที่กับทุกอย่างในชีวิต เกษรา วัฒนสังข์

นอกจากทักษะการเดิน เธอยังได้เพิ่มทักษะการเต้น เพราะต้องโชว์บนเวที ทำให้เธอรู้จักการมูฟบนเวทีได้คล่องขึ้น แม้ไม่เก่งเรื่องการเต้นนัก แต่การเรียนก็ทำให้เธอรู้วิธีมูฟให้สวยงามบนเวที ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดบนเวที คือ เข้ารอบ 10 คน ซึ่งเธอ
ภูมิใจมากที่ทะลุมาถึงรอบนี้ และรู้สึกดีใจด้วยหากเพื่อนคนใดจะได้ครองตำแหน่ง

“ตอนซ้อมเฟิร์นเห็นเพื่อนๆ เฟิร์นก็คิดว่าคนนั้นนี้น่าจะได้ แม้เฟิร์นมั่นใจในตัวเองแต่เห็นเพื่อนๆ มีศักยภาพกันทุกคน เฟิร์นจึงคิดว่า เฟิร์นจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจ

เฟิร์นไม่อยากกดดันตัวเองว่าต้องได้ อะไรที่ทำให้เฟิร์นได้รับตำแหน่ง เพราะมีรอบตอบคำถามตั้งแต่รอบรับสมัครแล้ว คณะกรรมการจะถามความมั่นใจ และรอบโฟโต้จีนิก คณะกรรมการจะแนะนำให้เราไปปรับปรุงอะไร แต่คณะกรรมการถามว่า อยากเป็นนักแสดงหรืออยากเป็นนางแบบ เฟิร์นตอบว่า อยากเป็นนางแบบ แต่หากเข้ามาสู่จุดนี้หากมีผู้ให้โอกาสเฟิร์นก็จะทำ เพราะมันคืออีกหนึ่งบทบาท เราต้องมีความสามารถรอบด้านสำหรับการอยู่ในวงการ”

นาทีที่บีบหัวใจ หลังจากพิธีกรบนเวทีประกาศว่า เธอคือผู้คว้าตำแหน่งไปครอง เธอเผยความรู้สึกว่า อยากร้องไห้ ดีใจมากๆ รู้สึกหายเหนื่อย แต่ต้องรักษาอากัปกิริยาเพราะกล้อง
จับภาพเธอตลอด

ทำเต็มที่กับทุกอย่างในชีวิต เกษรา วัฒนสังข์

“ครูสอนแม้กระทั่งการเก็บกิริยา แม้ใจสั่นปากสั่นก็ต้องเก็บไว้ ครูอุ๋มสอนว่า เราอย่าแสดงอารมณ์ที่จริงแท้ของเราออกมา อย่าร้องไห้ ลงจากเวทีแล้วค่อยปล่อยอารมณ์ ยิ่งเราเป็นนางแบบ ครูอุ๋มสอนว่าต้องเก็บอารมณ์ แต่เฟิร์นไม่รู้สึกกดดันเพราะครูอุ๋มสอนเรื่องสติและสมาธิบนเวทีสำคัญที่สุด

ก่อนขึ้นเวทีลำดับแรกต้องคิดว่า เราจะทำอะไรบนเวทีบ้าง คิดภาพในหัว จะเดินอย่างไร ไปตรงไหน ถ้าเราคิดวางแผนอย่างดี หากเกิดปัญหาเราจะคิดแก้ได้ไว ก่อนประกวดจริงทุกคนต้องซ้อมใหญ่ในช่วงบ่ายๆ เฟิร์นเกิดอุบัติเหตุ คือ ขาเฟิร์นพลิก วินาทีนั้นเฟิร์นรู้สึกท้อเพราะเจ็บขา พี่ๆ ช่วยพ่นยาให้ ช่วยบรรเทาปวดไปได้ ก็เริ่มเดินต่อ แต่มีแอบร้องไห้เพราะเจ็บ ใจก็เสีย แต่สักพักใจก็มา เพราะเฟิร์นให้กำลังใจว่า เฟิร์นจะยอมแพ้ได้อย่างไร ซ้อมมาตั้ง 1 เดือน เราต้องสู้ แม่ก็โทรมาให้กำลังใจ แม่บอกต้องสู้ เมื่อแม่สู้หนูก็สู้ เพราะการประกวดมันคืออนาคต”

วินาทีประกาศผลเกษรารู้สึกตื้นตันใจ เพราะทุกคนมายินดีกับเธอ รู้สึกเหมือนตัวลอยๆ เพราะนอกจากคว้ารางวัลที่ 1 แล้ว เธอยังได้อีก 2 รางวัล คือ ขวัญใจช่างภาพ และอีก 1 รางวัลพิเศษ

แน่นอน พอได้ตำแหน่งชีวิตเฟิร์นเริ่มเปลี่ยน เธอเป็นคนสาธารณะมากขึ้น ทำอะไรต้องระมัดระวังเพราะคนจะจับตามอง

“แม้ตอนนี้คนจะจำไม่ได้มาก แต่เฟิร์นก็ได้เซ็นสัญญาสังกัดช่อง 7 แล้ว ความใฝ่ฝันของเฟิร์น คือ การเป็นนางแบบระดับแนวหน้าของเมืองไทย เฟิร์นมี 2 นางแบบไอดอล คือ พี่อุ๋มและพี่ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) เฟิร์นอยากเป็นนางแบบมากๆ ซึ่งการเดินแบบไม่ง่ายและไม่ยาก เพราะเราต้องรู้จักพรีเซนต์เสื้อผ้า ถือกระเป๋าก็ต้องพรีเซนต์และต้องนำเสนอแบบไม่มากไม่น้อยเกินไป แต่เดินแบบมีหลายฟิลลิ่ง ชุดราตรีก็ต้องสวยสง่าต้องทำหน้าแบบนี้หากเสื้อผ้าสนุกหวานๆ เราจะทำสีหน้าอีกแบบหนึ่ง เราต้องใช้แอ็กติ้งนิดหนึ่งเพราะเวทีไทยมีหลายลุค ต้องเดินอย่างไร ลุคเกาหลีก็ต้องน่ารักๆ มีการใส่อารมณ์ในการเดินแบบเข้าไป การเดินแบบจะมีศิลปะของมัน”

ทำเต็มที่กับทุกอย่างในชีวิต เกษรา วัฒนสังข์

สำหรับความใฝ่ฝันเป็นนักแสดง เฟิร์นก็อยากได้ลองประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ก็ต้องมีพื้นฐานด้านการแสดงด้วย

“เฟิร์นก็ฝันอยากเล่นละคร หากช่องให้โอกาสแสดงเฟิร์นก็ต้องรีบคว้าโอกาสไว้ สิ่งที่เฟิร์นต้องทำและเรียนรู้ต่อไป คือ เรียนการแสดง ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในวงการบันเทิง บทที่เฟิร์นอยากแสดง คือ บทนางร้าย เพราะเฟิร์นรู้ว่าหน้าตัวเองคงเป็นนางเอกหวานๆ ไม่ได้ เพราะพ่อแม่เป็นคนนครศรีธรรมราช ใบหน้าเฟิร์นจึงเข้มหน่อยๆ เฟิร์นคิดว่าบทนางร้ายเป็นบทที่ท้าทาย เฟิร์นไม่มีต้นแบบด้านแสดงร้าย แต่เฟิร์นชอบการแสดงของพี่อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ซึ่งเล่นทั้งนางเอกและนางร้ายได้อินมาก

เฟิร์นคงไม่อาจเอื้อมเป็นเหมือนพี่อั้ม แต่เฟิร์นชื่นชอบพี่เขามาก พี่อั้มคือเบอร์หนึ่งของช่อง เป็นได้ทั้งตัวอย่างการใช้ชีวิต การตอบคำถาม มีจิตเมตตาต่อสัตว์ พี่เขาเป็นคนน่ารัก ตั้งแต่แรกเข้าวงการอย่างไรพี่อั้มก็ยังน่ารักอยู่อย่างนั้น” อีกสิ่งหนึ่งที่เฟิร์นอยากเรียน ก็คือ การร้องเพลงซึ่งเธอต้องฝึกอีกมาก รวมทั้งต้องฝึกการพูด พูดอย่างไรให้ชัดถ้อยชัดคำขึ้น การเรียนรู้ที่หลากหลายในวงการบันเทิงถือเป็นกำไรของชีวิต

ด้านครอบครัวเฟิร์นเติบโตมากับคุณแม่เลี้ยงเดียว เพราะพ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่เธอเป็นเด็กรักดีและเชื่อฟังคุณแม่มาก อยากทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณแม่ที่ต้องหาเลี้ยงดูเธอกับน้อง

“เฟิร์นคิดเสมอว่า เราไม่มีพ่อไม่เป็นไร แต่เรามีแม่ แม่ดูแลเฟิร์นกับน้องตั้งแต่เด็ก เราต้องเป็นคนดีตอบแทนคุณแม่ซิ สำหรับคนอื่นๆ ที่ไม่มีพ่อแม่ แต่เติบโตมากับคุณป้าก็ให้ตอบแทนคุณป้าซิแค่ทำให้ท่านสบายใจ แม่ของเฟิร์นถือว่าเป็นนักสู้ หนูไม่อยากให้แม่เสียใจ แม้เราจะทะเลาะกันบ้างเรื่องการแต่งตัว เพราะเฟิร์นชอบแต่งตัวลุยๆ แต่แม่ชอบให้หนูเป็นสาวหวาน แม้เฟิร์นจะเรียนหนังสือไม่เก่ง แต่เฟิร์นเชื่อว่าความตั้งใจและพยายามทำการบ้าน และเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เราเรียนจบได้

เฟิร์นชอบทำกิจกรรม ความฝันในอาชีพของเฟิร์น คือ อยากเป็นไกด์ อยากไปท่องเที่ยวในประเทศไทย และบอกเล่าสู่ลูกไกด์ให้รู้ว่า ท่องเที่ยวไทยดีและเป็นอย่างไร นักท่องเที่ยวก็ต้องใส่ใจในกฎระเบียบ ไปเที่ยวโบราณสถานก็อย่าไปปีนป่าย หรือไปทะเลก็อย่าไปแตะปะการัง หลีกเลี่ยงการจับปลาการ์ตูน ให้เขาอยู่ในทะเลดีกว่า เราควรดูแลรักษาอย่างไรให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานได้”

หลักในการใช้ชีวิต การทำงาน เฟิร์นมีหลักง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ คือ ทำเต็มที่กับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต พอเราเต็มที่แล้ว และให้คิดก่อนทำ เมื่อตัดสินใจทำแล้วต้องสู้ให้ถึงที่สุด

“เฟิร์นเป็นคนค่อนข้างชิลนะคะ มองโลกแง่ดีแล้วมันจะดีกับตัวเอง เพราะทุกคนไม่ได้สมบูรณ์และอย่าไปคาดหวังกับใครมาก เราจะได้ไม่รู้สึกแย่ ที่สำคัญคือพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ตอนนี้เฟิร์นค่อนข้างภูมิใจ เพราะสามารถเลี้ยงแม่เลี้ยงน้องได้แล้ว เฟิร์นจะหาเงินให้แม่กับน้องได้อยู่สบาย เพราะเฟิร์นเป็นคนขี้กลัวกับอนาคต”

ปิดท้ายที่สเปกหนุ่ม สาวสวยในตาคมผิวสีน้ำผึ้งคนนี้ ชอบผู้ชายสูง ผิวเข้มๆ ไม่เจ้าชู้ เป็นคนขยันทำงาน กตัญญูต่อพ่อแม่ เข้ากับแม่ของเธอได้และต้องรักพ่อแม่ของตัวเองด้วย เพราะหากผู้ชายรักพ่อแม่ตัวเองก็ต้องรักพ่อแม่ของเธอด้วย และหากได้ผู้ชายขยัน ก็จะมีอนาคตที่ดี และสามารถเลี้ยงดูเธอและดูแลตัวเองได้เช่นกัน