posttoday

ชีวิตคือ การเดินทาง พีระศิลป์ กฤชเทียมเมฆ

24 เมษายน 2561

ชีวิตคือ การเดินทาง ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศ นี่คือเรื่องราวของพีระศิลป์ กฤชเทียมเมฆ สตาร์ทอัพหนุ่มวัย 25 ปี

เรื่อง วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ อมรเทพ โชติเฉลิมพงษ์

ชีวิตคือ การเดินทาง ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศ นี่คือเรื่องราวของพีระศิลป์ กฤชเทียมเมฆ สตาร์ทอัพหนุ่มวัย 25 ปี ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท หม่ามี๊ บุ๊คกิ้ง เจ้าของเว็บไซต์หม่ามี๊บุ๊คกิ้ง www.mamybooking.com เว็บไซต์จองโปรแกรมทัวร์และรถเช่าออนไลน์ครบวงจรเจ้าแรกของเมืองไทย ชีวิตและการทำงานที่เจ้าตัวเล่าว่า คือการทำงานที่สอดร้อยเป็นหนึ่งกับความมุ่งมั่น ชีวิตที่ต้องการมากกว่าการประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ชีวิตที่เบื้องหลังคือเดิมพันแห่งการพิสูจน์ตัวเอง มาลองดูกันว่า ชีวิตของสตาร์ทอัพหนุ่มตอบโจทย์ที่ท้าทายของตัวเองอย่างไร

พีระศิลป์จบคณะศิลปศาสตร์ ภาคอินเตอร์เนชั่นแนล เอกการสื่อสารภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มก่อตั้งบริษัทของตัวเองในขณะที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 เมื่อมองเห็นช่องว่างทางธุรกิจของการทำเว็บไซต์จองโปรแกรมทัวร์ โดยเฉพาะทัวร์ดำน้ำในประเทศ ซึ่งความต้องการในตลาดนักดำน้ำสูงมาก พื้นเพทางธุรกิจของเขาไม่ห่างไกลจากแวดวงท่องเที่ยว เนื่องจากธุรกิจครอบครัว บริษัท เอ็นพีเอสเค มารีน คือการเป็น Exclusive Dealer ของ Honda Marine รวมทั้งการผลิตและจำหน่ายเรือสปีดโบตและเรือยอชต์ ผู้จัดจำหน่ายเจ้าใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 50% ของตลาดเรือยอชต์และเรือสปีดโบตทั้งหมดในไทย

“ผมเกิดที่พัทยา ใช้ชีวิตและเติบโตที่พัทยา ได้คลุกคลีกับท้องทะเลไทยมาตั้งแต่เด็ก อายุ 7-8 ขวบก็เริ่มติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปเยี่ยมผู้ประกอบการทัวร์ในจังหวัดต่างๆ อย่างเกาะพีพี มีนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะกว่า 4,000 คนต่อวัน สิ่งที่ผมมองเห็นคือศักยภาพของตลาดการท่องเที่ยวทางน้ำ โดยเฉพาะการดำน้ำชมความสวยงามของท้องทะเลไทย” พีระศิลป์เล่า

ชีวิตคือ การเดินทาง พีระศิลป์ กฤชเทียมเมฆ

จุดประกายความฝันการทำธุรกิจของตัวเอง ก็เมื่อแรกได้พบสบตากับสาวสวยที่มีนามว่า เกาะหัวใจมรกต เกาะท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ระนอง ใกล้ชิดติดกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ขณะนั้นเขาอายุเพียง 20 ปี ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของสัมปทานนักธุรกิจชาวไทย ที่เปิดเผยให้ทราบว่า เกาะหัวใจมรกตมีแผนจะพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีความพร้อมทางธรรมชาติสูงสุด ในจังหวะเดียวกันก็เป็นช่วงที่พีระศิลป์ได้ไอเดียหรือแนวคิดการประกอบธุรกิจแนวใหม่ เรื่องการแมตชิ่งหรือจับคู่ระหว่างคนซื้อคนขาย ยุคนี้คือยุคของคนที่คว้าโอกาส การแมตชิ่งความต้องการซื้อกับความต้องการขายเกิดขึ้นทั่วโลก กลายเป็นธุรกิจทำเงิน ธุรกิจสร้างโอกาส

“ผมได้เห็นธุรกิจส่งอาหารของ Line Man ที่สร้างแอพให้ลูกค้าสั่งซื้ออาหารจากที่ไหนก็ได้ โดย Line Man จัดซื้อและจัดส่งให้ หรือย้อนไปก่อนหน้านี้ ก็มี AirBnb หรือ Uber ที่สร้างเว็บและแอพ สนองตอบผู้ที่มีคอนโดมิเนียมหรือรถได้ปล่อยเช่าหรือนั่งรถไปด้วย มองย้อนไปอีกก็มี Paypal ของ อีลอน มัสก์ ที่สร้างแพลตฟอร์มการรับชำระเงินออนไลน์ที่มาตรฐาน ตัวอย่างทั้งหมดนี้ทำให้ผมได้ประจักษ์ในบิสิเนสโมเดลหรือรูปแบบธุรกิจที่เป็นไปได้ ปัญหาที่ต้องคิดต่อก็คือ เราจะเสนอขายหรือเสนอจับคู่อะไรในแบบที่ยังไม่เคยมีคนทำ” พีระศิลป์เล่า

Agoda, Rentalcar, Expedia, Traveloka, Lineman และ Grab การให้บริการจับคู่ระหว่างความต้องการซื้อและขายที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ ทำให้พีระศิลป์เริ่มคิดว่า ยังไม่มีนะ! ยังไม่มีใครขายทัวร์ออนไลน์ ทั้งๆ ที่คนใช้บริการดำน้ำหรือท่องเที่ยวทางน้ำในประเทศไทยก็สูงมาก จากจุดนั้นได้เริ่มค้นคว้าหาข้อมูลและได้พบว่า ประเทศไทยยังไม่มีเว็บไซต์จองทัวร์แบบครบวงจรแบบอินสแตนต์บุ๊กกิ้ง (Instant Booking) นั่นหมายถึงผู้ใช้บริการสามารถเช็กวันและเวลาได้ด้วยตัวเอง เช่น ว่างหรือมีการใช้บริการถึงวันไหนเวลาใด การให้ข้อมูลโปรแกรมทัวร์ รวมทั้งการให้บริการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตที่สามารถคอนเฟิร์มหรือรับประกันนิติกรรมได้เดี๋ยวนั้น เปรียบเทียบกับเว็บไซต์ทั่วไป (Static) ที่ให้เพียงข้อมูลพื้นฐาน และการจองโปรแกรมทัวร์ที่ยังต้องส่งอีเมลเพื่อยืนยัน

ชีวิตคือ การเดินทาง พีระศิลป์ กฤชเทียมเมฆ

“ก็ในเมื่อ Online Travel Agency ยักษ์ใหญ่ทำได้  Agoda ทำได้ Rentalcar ทำได้ หม่ามี๊บุ๊คกิ้งก็อยากนำเสนอการบริการจองทัวร์ออนไลน์ ที่สะดวกราคาถูก และปลอดภัยให้กับลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ ผมมองไปถึงจุดที่เราสามารถสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพ เป็นดิสรัพทีฟเทคโนโลยีของคนไทยที่สู้กับต่างชาติได้” พีระศิลป์เล่า

ความได้เปรียบของการเป็นธุรกิจคนไทย ก็คือความเป็นเจ้าถิ่น ที่มีเครือข่ายข้อมูลผู้ประกอบการทัวร์ดำน้ำทั่วประเทศ แหล่งความสวยงามและทางเลือกด้านราคาที่หลากหลาย ปัจจุบันหม่ามี๊บุ๊คกิ้งยังไม่มีคู่แข่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก่อตั้งบริษัทถึงวันนี้ครบ 2 ปีเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แม้จะยังต้องไปต่ออีกไกล หากพีระศิลป์ก็มั่นใจว่าเขามาถูกทาง แผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ คือการสยายปีกยึดหัวเมืองท่องเที่ยวทั้งหมด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี ระยอง และกรุงเทพฯ จากปัจจุบันให้บริการใน จ.กระบี่ ภูเก็ต ระนอง ตั้งเป้าเป็นเบอร์ 1 ของท่องเที่ยวแบบเดย์ทริปของไทย ( Excursion หรือ One Day Tour) ทั้งโปรแกรมเที่ยวและจองรถครบวงจรในหนึ่งเดียว โดยรถเช่านั้นมีให้บริการครบทุกสนามบินในประเทศไทยอยู่แล้ว หากมีแผนจะเพิ่มซัพพลายเออร์ให้มากขึ้น ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น จะเที่ยวเอง หรือ Free Independent Tourist ก็ได้

“นักท่องเที่ยวอยากจะไปเที่ยวที่ไหน ไม่ต้องมีรถ ก็สามารถเที่ยวแบบซิตี้ทัวร์ได้ ซื้อทัวร์เกาะและดำน้ำได้ โดยจะเพิ่มบริการรถ Transfer สนามบินไปด้วยเลย”

สำหรับเว็บไซต์หม่ามี๊บุ๊คกิ้ง (Mamy Booking) เว็บจองทัวร์ดำน้ำในประเทศไทยและจองรถเช่า ใช้ระบบสำรองที่นั่งแบบเรียลไทม์ ผู้ใช้บริการสามารถเรียกดูรายละเอียดทัวร์หรือรถเช่า และทำการจองได้ทันที โดยที่สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตบนเว็บไซต์ได้เลย ปลอดภัยด้วยระบบตัดบัตรเครดิต ทำให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบาย ที่สำคัญคือมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งหมดนี้ให้เครดิตมารดา ณัฏสรัล ล้วนปรัชญา วัย 67 ปี ผู้ให้ทุนก้อนแรกในการก่อตั้งบริษัท รวมทั้งบิดา สรนนท์ กฤชเทียมเมฆ ที่ช่วยสนับสนุนในเรื่องต่างๆ

ชีวิตคือ การเดินทาง พีระศิลป์ กฤชเทียมเมฆ

“พ่อและแม่ของผมลำบากมาเกือบตลอดชีวิต เพิ่งจะมาสบายเมื่อธุรกิจประกอบเรือประสบความสำเร็จเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี่เอง ใช่!ผมเป็นลูกเถ้าแก่ แต่เป็นลูกเถ้าแก่ที่เห็นความยากลำบากของพ่อแม่ และรู้ดีว่าเงินแต่ละบาท ได้มาไม่ง่าย” พีระศิลป์เล่า

สตาร์ทอัพหนุ่มเล่าต่อว่า ก่อนจะได้เงินทุนก้อนแรก ลงทุนซื้อโปรเจกเตอร์ไปหลายสตางค์ (ฮา) เพื่ออธิบายถึงธุรกิจสมัยใหม่ ในฐานะของนักธุรกิจที่ต่อสู้มาอย่างหนัก แม่ไม่ยอมปล่อยผ่านความไม่เข้าใจอันใด ในที่สุดแม่ก็ยอมผ่านให้ บริษัท หม่ามี๊บุ๊คกิ้งและเว็บไซต์หม่ามี้บุ๊คกิ้งจึงได้เกิดขึ้น ขณะที่ความมุ่งหมายของพีระศิลป์เอง เขาก็ไม่ยอมปล่อยผ่านให้อุปสรรคใดๆ เหมือนกัน เพราะเป้าหมายไม่ใช่แค่ความสำเร็จทางธุรกิจ แต่คือการปลดแอกทางจิตใจสู่ความเป็นอิสระ ท่ามกลางพี่น้อง 4 คน พีระศิลป์เป็นคนรองสุดท้อง เจ้าตัวเล่าเองว่า ครอบครัวคนจีนทำธุรกิจแบบกงสี แต่สำหรับบ้านของเขาเป็นกงสีแบบกงสีไม่จริง

ความหมายของคำว่า “กงสีไม่จริง” จะเป็นอย่างไรนั้น ขอยกไว้ไม่อธิบาย เอาเป็นว่าโดยส่วนตัวแล้วเขาอยากมีอิสระทางการเงิน อยากพึ่งพาตัวเอง อยากทำหน้าที่ของลูก ตั้งใจในความสามารถของตัวเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของพ่อและแม่ให้ได้อย่างแท้จริงในวันหนึ่งข้างหน้า อยากมีเงินและอยากประสบความสำเร็จ แต่นั่นไม่สำคัญมากไปกว่าการพิสูจน์ตัวเองให้มารดาและครอบครัวได้เห็น เมื่อก่อนเป็นลูกเถ้าแก่ใจร้อน จะเอาอะไรต้องได้อย่างใจ แต่ปัจจุบันธุรกิจทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนใจเย็น รู้จักแยกแยะและดึงเบรกตัวเองได้ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมาแน่ เขามั่นใจในธุรกิจของหม่ามี๊บุ๊คกิ้งเหมือนแน่ใจในตัวเอง เถ้าแก่น้อยของเราแต่งงานแล้วเรียบร้อย ภรรยาสาวสวยกำลังตั้งครรภ์ เตรียมต้อนรับทารกน้อยๆ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ชีวิต ครอบครัว และการทำงานกำลังเดินหน้า...การเดินทางของพีระศิลป์ คงไม่มีจุดไหนที่ดีไปกว่านี้