posttoday

สิ่งแวดล้อมเรื่องต้องตระหนัก ฌอน โกว์

19 เมษายน 2561

มนุษย์ควรใส่ใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น ด้วยวิสัยที่ยาวไกลของ ฌอน โกว์ นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ วัย 42 ปี

โดย...วราภรณ์

มนุษย์ควรใส่ใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น ด้วยวิสัยที่ยาวไกลของ ฌอน โกว์ นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ วัย 42 ปี จึงก่อตั้งบริษัท เวิลด์ กรีน อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัท เฟิร์ส แคปปิตอล โกลบอล ดำเนินธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ที่เกี่ยวกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมการพัฒนาลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในโลกอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่อนาคตที่ดี โดยเขารั้งตำแหน่งซีอีโอของบริษัท ซึ่งถือเป็นอันดับต้นๆ ที่จับธุรกิจด้านกรีนเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อซัพพอร์ตโลก

ด้านการศึกษา ฌอนจบปริญญาตรีด้านอินเตอร์เนชั่นแนล บิซิเนส จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) เคยทำงานด้านโฆษณามาก่อน เหตุที่เขาสนใจดำเนินธุรกิจด้านกรีนเทคโนโลยี ที่มุ่งมั่นในการให้บริการทางด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีการเงินสมัยใหม่ รวมถึงโปรเจกต์ต่างๆ ในด้านการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ด้วยวิสัยทัศน์ที่ให้ความสำคัญในการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและเพียงพอสำหรับส่งถึงยังรุ่นต่อไป

ก่อนหน้านี้ ฌอนได้ทำงานเป็นผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรีด้านการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ ตามแนวนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศเชิงรุก โดยมุ่งขยายตลาดการค้าการลงทุนของไทยในต่างประเทศ และแสวงหาความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่จำเป็นในการพัฒนาประเทศและการเพิ่มขีดความสามารถในเวทีโลก

ฌอนเล่าด้วยภาษาไทยที่สื่อสารได้เป็นอย่างดีว่า บริษัทของเขาให้บริการด้าน Green Finance จัดทำข้อมูลเทคนิค การวิเคราะห์ และคิดนโยบายด้านการเงินที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ Green Technology คือการมองหาจุดอ่อนและปรับแก้ให้กับระบบนิเวศ และช่วยบูรณาการในการจัดหาเทคโนโลยี อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ช่วยเสริมความสามารถที่จะรับได้ของโลกด้านสิ่งแวดล้อม ในการยอมรับจุดอ่อนและปรับใช้กับการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศโลก อีกทั้งยังสนับสนุนให้ทุกๆ ประเทศบูรณาการแผนลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแต่ละภูมิภาคและลงมือปฏิบัติการ

“ประเทศที่ยังไม่พัฒนา จะมีต้นไม้ผลิตออกซิเจนเยอะ แต่ประเทศที่มีอุตสาหกรรมมากแล้ว ทำให้เกิดมลภาวะที่ไม่ดีกับสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นองค์การสหประชาชาติได้มีบทบาทเข้ามาแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ประเทศที่มีอุตสาหกรรม ควรซื้อคาร์บอนเครดิตจากประเทศที่ยังไม่พัฒนา เช่น สมัยก่อนมิตรผลผลิตน้ำตาลโดยใช้ระบบเก่าที่มีควันเยอะ แต่หลังเปลี่ยนมาเป็นกรีนเทคโนโลยี ซึ่งช่วยผลิตคาร์บอนเครดิตตั้งแต่ปี 2554 มิตรผลเซ็นเอ็มโอยู (เอกสารหรือหนังสือที่เก็บบันทึกข้อตกลง ความเข้าใจที่ตรงกัน หรือข้อตกลงที่จะร่วมมือระหว่างสองฝ่าย โดยที่ทั้งสองฝ่ายอาจเป็นองค์กรหนึ่งๆ หน่วยงานหนึ่งๆ ของรัฐ หน่วยงานหรือบริษัทเอกชน หรือระหว่างรัฐกับรัฐก็ได้) กับการบินไทย มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกัน

สิ่งแวดล้อมเรื่องต้องตระหนัก ฌอน โกว์

อย่างสิงคโปร์ในปีหน้ากำลังจะมีคาร์บอนเครดิตแพลน ซึ่งเกิดจากนโยบายจากยูเอ็น โดย 194 ประเทศเซ็นร่วมกัน สิงคโปร์กำลังมีกฎว่าถ้าจะใช้รถยนต์ต้องซื้อคาร์บอนเครดิต อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ออกรถยนต์ออกมาเพื่อชาร์จไฟฟ้า ซึ่งดีกับสิ่งแวดล้อม เกิดคำถามว่าแล้วหลายบริษัทอยากไปสู่กรีนเทคโนโลยีได้อย่างไร หากมาปรึกษาเรา เราจะส่งทีมงานไปศึกษา เครื่องจักรของคุณไม่ต้องใช้น้ำมันแล้วนะ เปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีตัวนี้ๆ เพื่อสู่กรีนดีกว่า เป็นต้น”

กรีนโปรเจกต์ถือเป็นเทรนด์ของโลก ที่บริษัทต่างๆ จะหันไปใช้กรีนเทคโนโลยีกันมากขึ้น หลายบริษัทกำลังหันมาใช้ไฟฟ้าในการผลิตสินค้าเพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะ รถยนต์ก็ใช้แบตเตอรี่ลิเทียม เป็นต้น

แม้บริษัทแม่จะอยู่ที่สิงคโปร์ แต่ในฐานะซีอีโอ ฌอนจะบินไปทั่วโลกเพื่อค้นหากรีนเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่อจากสิงคโปร์ เขาเริ่มขยายธุรกิจเริ่มที่ประเทศไทยก่อน เพราะนอกจากชื่นชอบเมืองไทยแล้ว เมืองไทยยังมีศักยภาพเป็นเซ็นเตอร์ของอาเซียนที่สามารถขยายไปทั่วอาเซียนได้ทั้งเมียนมา ลาว กัมพูชา ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ฌอนจึงได้เรียนรู้วัฒนธรรมประเทศที่เขาไปเยือน เช่น ไทย ประเทศที่เขาชื่นชอบมาก จึงปักฐานเพื่อเรียนรู้ภาษาไทย โดยพูดได้อย่างเข้าใจ แต่อ่านและเขียนไม่ได้

“ฌอนเกิดและเติบโตที่สิงคโปร์ ไม่เคยเรียนภาษาไทยเลย หลังจบมหาวิทยาลัยก็เดินทางไปหลายๆ ประเทศเพื่อไปดูธุรกิจ ไปดูแนวทางธุรกิจที่น่าสนใจ ฌอนเริ่มทำงานในวงการโฆษณาก่อน เสร็จมาทำเรื่องผลิตเครื่องดื่มและอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมาจับธุรกิจกรีนเพราะผมเจอพี่ๆ จากยูเอ็นและจีนที่ซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้ ถือเป็นสิ่งใหม่ และจะเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และผลักดันด้านนี้”

สำหรับผลงานที่เขาภาคภูมิใจด้านกรีนโปรเจกต์ก็คือ โปรเจกต์รถไฟฟ้าโมโนเรล โดยไปค้นพบเทคโนโลยีด้านการเดินทางของจีน หรือเรียกว่ารถไฟลอยฟ้า หรือโมโนเรล ที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยใช้แบตเตอรี่ชาร์จครั้งหนึ่งสามารถวิ่งได้ยาวถึง 20 กิโลเมตร เขาไปศึกษาตรงนี้และคิดว่าเป็นนวัตกรรมที่ดีและเป็นกรีนโปรเจกต์ได้ อีกทั้งการสร้างโมโนเรลยังใช้ระยะเวลาในการสร้างเพียงสั้นๆ คือ 1 ปี บริษัท เวิลด์ กรีน อินเตอร์เนชั่นแนล จึงได้เซ็นสัญญานำนวัตกรรม WGI Skytrack Monorail มาร่วมทุนที่ประเทศไทย โดยร่วมมือกับหลายภาคส่วน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ทำการวิจัยและวิเคราะห์เส้นทางเพื่อความเหมาะสม โดยทดลองใช้ภายใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อน 

“ปัจจุบันอาเซียน 10 ประเทศ จะเลือกสมาร์ทซิตี้ 90 เมืองใน 10 ประเทศ ฉะนั้นเมืองหาดใหญ่เป็นเมืองที่น่าสนใจ ควรส่งเสริมโดยใช้ WGI Skytrack Monorail เพราะเมืองที่จะถูกคัดเลือกให้เป็นสมาร์ทซิตี้ต้องเป็นเมืองที่มีระบบขนส่งมวลชนที่ดี ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะกับสิ่งแวดล้อมและสังคม เราอยากให้หาดใหญ่กลายเป็นเมืองสมาร์ทและกรีนซิตี้ ตอนนี้เรากำลังศึกษาเส้นทาง ความเป็นไปได้ของการทำเป็นสมาร์ทซิตี้ จริงๆ แล้วเมืองไทยมีกลุ่มคนที่ตระหนักเกี่ยวกับกรีนกันมากขึ้น แต่รัฐบาลทำอย่างเดียวไม่ได้ ต้องร่วมกับเอกชนด้วย”

ประชาชนบนโลกนี้ควรตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมกันให้มากขึ้น เพราะจากผลการสำรวจพื้นโลก พบว่าหากโลกร้อนเพิ่มขึ้นอีก 2% มนุษย์เราจะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้แล้ว เพราะน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้กำลังละลาย ไม่แน่ใน 100 ปีข้างหน้า เราอาจไม่มีน้ำกินเลยก็ได้ คนบนโลกนี้จึงต้องช่วยกันตระหนักเรื่องนี้ หากเรายังไม่รักษาสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมยังสร้างมลภาวะให้เป็นพิษ โลกเราจะมีปัญหาอย่างแน่นอน

สิ่งแวดล้อมเรื่องต้องตระหนัก ฌอน โกว์

ฌอน กล่าวว่า ควรจัดฟอรั่มภาครัฐบาลร่วมกับภาคเอกชนมาพูดคุยกันเรื่องปัญหาโลกร้อน และการก้าวเข้าสู่ความเป็นเมืองสีเขียว จะร่วมมือกันทำอย่างไรให้สิ่งแวดล้อมดี

“ถึงแม้การใช้เทคโนโลยีในการทำอุตสาหกรรมกรีนระยะเริ่มแรกจะลงทุนมากหน่อย แต่คุ้มค่ามากในอนาคตและระยะยาว เช่น รถบัสและรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าเราควรให้การสนับสนุน และหลายๆ ประเทศรัฐบาลก็ส่งเสริมด้วยการเก็บภาษีรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าให้น้อยหน่อย บอกให้ประชาชนรู้ว่าโลกเรากำลังเข้าสู่ปัญหาสิ่งแวดล้อมมากแค่ไหน เราต้องช่วยกันศึกษาเพื่อพ้นจากภาวะวิกฤตนี้ ข้อดีของรถไฟคือไม่ต้องตัดต้นไม้ ไม่ต้องเวนคืนที่ดินเพราะใช้พื้นที่น้อยมาก”

การตระหนักเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนี้ พวกเราสามารถร่วมกันโดยเริ่มจากตัวเอง ช่วยกันปลูกป่า และช่วยกันประหยัดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น

อุปสรรคปัญหาในการทำงาน เคาะประตูบอกให้คนหันมาตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ฌอนบอกว่าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะคนรู้ถึงผลเสียของโลกร้อนอยู่แล้ว อีกทั้งบริษัทเอกชนตระหนักถึงพลังงานสีเขียวกันมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าจะทำให้บริษัทลดใช้พลังงานที่จะก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร ซึ่งในอีก 12 ปีข้างหน้ารัฐบาลไทยกำลังผลักดันเรื่องคมนาคม ลดควันพิษในถนน ระบบขนส่งมวลชนจะหันมาใช้พลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น

การทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งดี ทำให้เขาไม่รู้สึกเครียดในการทำงานเลย ในฐานะเป็นผู้บริหารระดับสูง วิธีปกครองลูกน้องคือ มีอะไรก็แชร์กัน สองเปิดอกพูดคุยกันไม่มีอะไรปกปิด ทำงานคือทำงาน หน้าที่คือหน้าที่ การปรับตัวในแวดวงคนไทย ฌอนบอกว่าไม่ใช่เรื่องยากเพราะนิสัยคนไทยน่ารัก และโอบอ้อมอารีอยู่แล้ว

“หลักในการบริหารคนของผม งานคืองาน หน้าที่คือหน้าที่ ต้องรับผิดชอบงานให้ดี สมัยก่อนผมจะพูดเสมอ อย่างผมไปโอเชี่ยน เวิร์ล ผมชอบดูโชว์ปลาโลมา ก่อนแสดงเราจะให้อาหารปลาเล็กน้อย แต่งานเสร็จ คนเลี้ยงจะให้อาหารปลาโลมาเยอะๆ การบริหารคนก็เหมือนกัน เราต้องให้ก่อน เมื่องานเสร็จสำเร็จเราก็ให้เยอะ เราจะไม่บอกว่าคุณโชว์ฝีมือก่อน สำเร็จแล้วค่อยให้ แต่เราต้องให้ก่อน เป็นนายคนต้องให้ใจ ให้การสนับสนุน บริหารแบบนี้ก็จะได้ใจลูกน้อง ลูกน้องก็จะทำงานเต็มที่”