posttoday

นฤพนธ์ เวียงชนก โค้ชผู้ออกแบบความรัก

10 กรกฎาคม 2560

เราทุกคนต่างเคยผ่านความรู้สึกถึงความรักแบบหนุ่มสาว ไม่ว่าจะแอบชอบ แอบรัก สมหวัง หรืออกหัก นั่นก็คือ

โดย...โยธิน อยู่จงดี ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

เราทุกคนต่างเคยผ่านความรู้สึกถึงความรักแบบหนุ่มสาว ไม่ว่าจะแอบชอบ แอบรัก สมหวัง หรืออกหัก นั่นก็คือประสบการณ์ที่มีค่าครั้งหนึ่งในชีวิต แมกซ์-นฤพนธ์ เวียงชนก ที่ปรึกษาด้านความรักและความสัมพันธ์ หรือเรียกสั้นๆ ว่าโค้ชความรัก เจ้าของเพจ Facebook.com/MAXinLoveThailand บอกกับเราว่าเมื่อเราอกหักผิดหวังกับความรัก เวลาที่เหลือจากนั้นอยู่ที่เราจะมองเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้เป็นประสบการณ์เพื่อก้าวไปข้างหน้ากับความรักครั้งใหม่ หรือจะเก็บเป็นมีดที่ทิ่มแทงเราไว้ตลอดเวลา นั่นคือจุดที่สำคัญ 

โค้ชผู้นำความรักกลับมา

“ผมมีความสนใจศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ โดยเฉพาะเรื่องความรักของคนเราตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น สงสัยว่าอะไรที่ทำให้ผู้ชายจีบผู้หญิงได้หรือไม่ได้ อะไรที่เป็นส่วนทำให้เราสนใจเลือกคู่ครอง แต่ชะตาชีวิตผมก็เหมือนกับคนในรุ่นก่อนที่ยังเดินบนเส้นทางค่านิยม ผมเรียนต่อทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ เรียนปริญญาโทด้านบริหารจัดการวิศวะอีกเหมือนกัน แต่ก็ยังคงสนใจศึกษาในเรื่องความสัมพันธ์มาตลอด เรียนรู้ความรักจากประสบการณ์ของเพื่อนๆ จากคนรอบตัวเรา

และจากประสบการณ์ของเราเองที่เรียกได้ว่าอกหักมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นั่นก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เรารู้ว่าการจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต้องทำอย่างไร และสิ่งไหนที่ทำให้ความสัมพันธ์ไม่ยั่งยืน จนเราอายุประมาณ 33 ผ่านประสบการณ์เรียนรู้และให้คำปรึกษาความรักกับเพื่อนๆ มามากพอแล้ว จึงตัดสินใจศึกษาเรื่องความรักและความสัมพันธ์อย่างจริงจัง ศึกษาว่าเป็นเพราะเคมีอะไรที่ทำให้คนเราชอบกันและรักกันอย่างยั่งยืนมากที่สุด

ผมเลยเริ่มศึกษาจากสถาบันโค้ชของเมืองไทย แล้วเดินทางไปเรียนสถาบันโค้ชของต่างประเทศ ทำให้เราพบว่าในต่างประเทศจะมีการโค้ชเรื่องความรักเยอะมาก แล้วก็จะมีข้อมูลแหล่งวัตถุดิบในการศึกษาเรื่องความรักโดยเฉพาะให้เราได้ศึกษามากมาย ในขณะที่เมืองไทยเองยังไม่ค่อยมีมากเท่าไร

ในต่างประเทศค่อนข้างจะเปิดกว้างมาก แต่เวลาศึกษาเราก็ต้องดูว่าความรู้นั้นสามารถเข้ากับคนไทยได้ไหม เพราะวัฒนธรรมของฝรั่งแตกต่างจากบ้านเรา ความรู้บางอย่างนำมาใช้ในบ้านเราไม่ได้จึงต้องเอามาปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม เข้ากับวัฒนธรรมของคนไทยให้มากขึ้น เราก็เลยได้องค์ความรู้ที่ค่อนข้างชัดเจนว่าอะไรที่เป็นปัจจัยหลักในเรื่องของความรัก และการตัดสินใจให้ความรักนั้นอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืน

ถ้าผมพูดคำว่าเลิฟโค้ช หรือโค้ชความรัก อาจจะเป็นคำที่เพิ่งเคยได้ยินกันเสียด้วยซ้ำในเมืองไทย ส่วนมากจะเป็นแนวไลฟ์โค้ชเสียมากกว่า แต่การที่จะเป็นโค้ชความรัก ควรจะมีหลักการที่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ มีเอกสารวิชาการมีงานวิจัยรองรับจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เอาแต่ประสบการณ์มาพูดดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไร ไม่เหมือนกับองค์ความรู้ที่ทำให้เราสามารถเข้าใจความรักเข้าใจตัวเองและคนรักได้ง่ายกว่า" 

นฤพนธ์ เวียงชนก โค้ชผู้ออกแบบความรัก

ความรักเปรียบเหมือนเกมชีวิต

ปัญหาด้านความสัมพันธ์นั้นมีอยู่มากมาย แต่ปัญหาที่โค้ชแมกซ์พบมากที่สุดตั้งแต่เป็นโค้ชมาก็คือปัญหาเรื่องการคบซ้อนหรือการมีกิ๊ก ที่กำลังกลายเป็นค่านิยมผิดในเรื่องความรักของคนไทย

“การคบซ้อน เป็นปัญหาใหญ่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน รักซ้อนทำคนเจ็บมาเยอะ รักที่เราเชื่อใจ รักที่เราคาดหวังถึงอนาคตที่สวยงาม เมื่อไรก็ตามที่เรามองอนาคตและมีความหวัง เมื่อเจ็บช้ำอกหักเราจะมีความรู้สึกว่าเสียใจมากที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อมีความรักแล้วจะหวังไม่ได้ เราหวังได้ แต่เราต้องรู้ว่าเมื่อถึงเวลา ณ จุดๆ หนึ่งที่ความจริงกับความหวังมันต่างกัน เราต้องพร้อมที่จะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตของเราออกไป ในทางกลับกันเมื่อไรก็ตามที่เรารู้สึกว่าความอกหักไม่เป็นอุปสรรคต่อชีวิต เมื่อนั้นคือเราพร้อมที่จะมีความรักครั้งใหม่เสมอ

ความรักมันเป็นเหมือนเกมชีวิต แต่เกมความรักดีอย่างหนึ่งตรงที่ว่า ไม่เคยมีคนแพ้ในเกมนี้ เป็นเกมที่เราสามารถชนะด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้าวันหนึ่งเรารู้สึกว่า เราถูกทิ้ง เขาหรือเธอไปมีคนอื่น เราก็จะรู้สึกว่าตัวเรานั้นแพ้หรือความรักต้องผิดหวัง แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้แพ้หรอก เพราะไม่มีกรรมการอยู่ในเกมที่จะมาคอยตัดสินว่าคุณแพ้ มีแต่เราเองเท่านั้นแหละที่ตัดสินตัวเองว่าเราแพ้ แต่ความจริงคือเป็นแค่บทเรียนที่เราสามารถเอาไปปรับใช้กับความรักครั้งต่อไป

สังเกตไหมว่าคนเรามักจะเลือกคู่ที่มีขั้วตรงข้ามกับเรา มันเป็นเหมือนแม่เหล็กที่มีแรงดึงดูดเข้าหากัน เพราะคงไม่ใช่ใครทุกคนที่อยากตื่นนอนขึ้นมาแล้วเห็นหน้าตัวเองนอนอยู่ข้างๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น คู่ของเราเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนตัวตนของเราออกมาอย่างแท้จริง เวลาที่เราอยู่คนเดียวเราจะไม่รู้ตัวเองหรอกว่าเราเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่มีใครว่าอะไร นอนตื่นสายตื่นแล้วไม่เก็บที่นอน เข้าห้องน้ำไม่ยอมยกฝาชักโครก แต่พอเรามีแฟน แฟนเราบอกว่าทำไมเธอไม่เก็บ ทำไมเธอไม่ทำอย่างนั้นอย่างโน้นอย่างนี้ นั่นแหละคือสิ่งที่เป็นปัญหาของตัวเรา

เราไม่เคยรู้ว่าคนรักก็เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนกันและกัน นั่นจึงทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ จริงอยู่ว่าความเหมือนกันทำให้เกิดความรักได้ง่ายกว่า แต่ความแตกต่างทำให้เกิดแรงดึงดูด ถามว่าแล้วความรักในรูปแบบไหนดีที่สุด ระหว่างสองคนที่เหมือนกัน กับความรักระหว่างสองคนที่แตกต่างกัน ผมตอบได้เลยว่าคนรักกันไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทั้งหมด ขอให้มีความแตกต่างกันบ้างเป็นสีสันของชีวิต มันจะทำให้ความรักมีความสนุก เป็นความรักที่ดึงกันไว้ไม่สุดตรงไปทางใดทางหนึ่ง มีความเข้ากันได้และมีแรงดึงดูดใจเหนี่ยวรั้งกันไว้

นฤพนธ์ เวียงชนก โค้ชผู้ออกแบบความรัก

ปัญหาเรื่องของความรักซ้อนสำหรับประเทศไทยเราอยู่สูงในอันดับต้นๆ ของโลก ขณะที่ในบางประเทศมีปัญหานี้อยู่น้อยมาก เพราะว่าเขาบูชาและให้เกียรติในเรื่องของความรัก ถ้าเกิดเขาไม่รักกันแล้วก็จะเลิกแล้วไปอยู่กับคนใหม่ทันที มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ แต่ของคนไทยเราคบกันแล้วไม่กล้าเลิก เพราะว่ากลัวจะเสียก็เลยกั๊กไว้ก่อนแล้วก็ไปหาใหม่คบกิ๊กไว้ก่อน ถ้าใช้ได้ถ้าดีกว่าก็ไป

นั่นจะนำมาซึ่งปัญหาสังคมในหลายๆ อย่างและหลายๆ ด้าน ซึ่งผมต้องการที่จะสร้างค่านิยมใหม่ในเรื่องของความรักเพื่อให้เกิดความรักอย่างยั่งยืน นี่คือประเด็นของคำว่ารักที่ใช่ เพราะก่อนที่เราจะเจอรักแท้จะต้องเจอรักที่ใช่ แต่ต้องใช้ทั้งในโลกความเป็นจริงและสิ่งที่ฝัน ถ้าเราต้องการผู้ชายที่ดี แต่ในความเป็นจริงเราไปเจอผู้ชายที่ทำร้ายร่างกายเรา แต่เรายอมรับมันอันนี้ก็คือคนที่ไม่ใช่แล้ว แต่เราก็กลัวจะเสียเขาไป กลัวจะขึ้นคานจึงทำให้เรารั้งรักที่ไม่ใช่ไว้ เพราะคนไทยกลัวขึ้นคานเยอะ ทั้งที่ความจริงแล้วคนโสดเป็นเรื่องธรรมดา โสดคือทางเลือก คนโสดไม่ได้ผิด

ปัจจุบันผมก็โสด มีคนถามว่าเฮ้ย...เป็นคนโสดแล้วมาสอนในเรื่องความรักได้ยังไง ผมบอกได้เลยว่าความโสดไม่สำคัญ แต่ให้ดูที่ตัวผม แล้วดูว่าผมสามารถที่จะไม่โสดได้หรือเปล่าตรงนั้นแหละที่สำคัญ” โค้ชแมกซ์เล่าอย่างอารมณ์ดี 

สร้างรักอย่างไรให้ยั่งยืน

คำถามสำคัญที่ทุกคนเมื่อได้พูดคุยกับโค้ชแมกซ์ต้องอยากรู้ก็คือ แล้วเราจะสร้างความรักให้ยั่งยืนได้อย่างไร โค้ชหนุ่มแนะนำกับเราว่า “สำหรับคนที่อยากจะมีความรักสิ่งที่ผมอยากจะแนะนำอย่างแรกก็คือเราต้องมีความกล้าที่จะเจ็บ คุณลองนึกดูว่าใน 1 ปีคุณมีโอกาสที่จะไปเจอคนที่ถูกใจสักกี่ครั้ง

ถ้าคุณเจอคนที่ถูกใจ เจอคนที่คุณรู้สึกดี ขอให้มีความกล้าที่จะเข้าไปเปิดความสัมพันธ์ ไม่ต้องกลัวเรื่องความผิดหวังมันมีแน่นอน แต่ถ้าเราไม่ลองก็คงไม่รู้ว่าเราจะเริ่มต้นอย่างไร ชีวิตจริงคงไม่มีโอกาสเหมือนในหนังโรแมนติกที่อยู่ดีๆ มาเดินชนกันของหล่นเก็บของขึ้นมาให้สบตากัน เกิดความรู้สึกดีๆ ที่รู้กัน ในหนังในละครทำมาเพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติก สร้างภาพความหวังถึงความรักว่ามันจะสวยงามว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ แต่ในชีวิตจริงของเราต้องใช้ความกล้า

ถ้าคุณไม่กล้าก็เท่ากับคุณปิดโอกาสตัวเอง อย่างน้อยการเริ่มต้นก็ยังมีโอกาสลุ้น แต่ถ้าไม่เริ่มโอกาสก็เป็นศูนย์อยู่เหมือนเดิม การนำเสนอความรักก็เหมือนกับการขายของ คุณต้องมั่นใจในความรักที่คุณมี มั่นใจในตัวเอง เพราะถ้าคุณไม่มั่นใจในความรักก็จะแสดงความไม่มั่นใจออกมา และเมื่อไม่มั่นใจคุณก็จะทำออกมาไม่ดี

นฤพนธ์ เวียงชนก โค้ชผู้ออกแบบความรัก

การลองผิดลองถูกก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ อย่างน้อยก็ยังได้เริ่มต้น ไม่รู้จะไปยังไงไม่รู้จะเริ่มต้นแบบไหนก็เริ่มต้นแบบไม่รู้นั่นแหละ อย่างดีก็อาจจะไปศึกษาวิธีมาบ้าง แต่จำไว้ว่าการที่คนเราจะครองคู่กันอย่างยั่งยืนนานด้วยกันไปตลอดชีวิต ต้องใช้ความรักเป็นตัวนำ ความรักควรมาก่อนเรื่องเซ็กซ์ ในทางกลับกันเรื่องเซ็กซ์ ก็ก่อให้เกิดความรักได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งเซ็กซ์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ได้ เมื่อนั้นความรักก็จะเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด

เมื่อไรชีวิตคู่ของคนเรามีความรักเป็นตัวนำเมื่อเผชิญปัญหา เราใช้ความรักความเข้าใจเข้ามาช่วยแก้ไขเมื่อนั้นความรักแท้จริงจะเกิดขึ้น มีน้อยคนมากที่จะมองความรัก โดยแคร์อีกฝ่ายหนึ่งมากกว่าตัวเอง ส่วนใหญ่มักจะคิดถึงแต่ตัวเองว่าเธอจะต้องตอบสนองในสิ่งที่ฉันต้องการ และเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็มักจะแสดงออกด้วยความรู้สึก เช่น การโกรธ งอน เพื่อเรียกร้องความสนใจ เมื่อระดับของความงอน ความโกรธขึ้นถึงจุดสูงสุดจะกลับแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าเสียใจเพราะไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีกลับมา

การที่เราจะคิดถึงใจเขาใจเรา จะต้องหันหน้าเข้าหากันพูดกันอย่างจริงจังต้องคุยกันแล้วมองความต้องการของอีกคนเป็นหลัก อย่ามองเฉพาะความต้องการของตัวเอง เพราะเมื่อไรที่เรามองแค่ความต้องการของตัวเองปุ๊บจะเป็นมุมมองที่อาจจะชวนกันทะเลาะ แต่ถ้าเรามองว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร และฉันจะทำให้เธอเพื่อให้เธอโอเค แล้วทั้งสองฝ่ายคิดอย่างนี้ทั้งคู่ก็จะอยู่กันอย่างยั่งยืน”