posttoday

นางเอกในคนธรรมดา รินรดา แก้วบัวสาย

12 มิถุนายน 2560

นักแสดงหน้าใหม่ถูกจับตามองกับนามสกุล แก้วบัวสาย

โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

นางเอกดาวรุ่ง พาย-รินรดา แก้วบัวสาย วัย 22 ปี กำลังเป็นที่จับตามองของผู้จัด กับผลงานละคร 3 เรื่องภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ รวมถึงการถูกจับตามองกับนามสกุล แก้วบัวสาย ที่ถึงแม้ว่าจะนามสกุลเดียวกับนักร้องรุ่นใหญ่ แต่เธอก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ใช้ “อาตู่” เป็นเส้นทางลัดเข้าสู่วงการบันเทิง

เบื้องหลังของคนเบื้องหน้า

เริ่มต้นพายได้เล่าถึงเส้นทางการเป็นนักแสดงที่เกิดขึ้นจากโอกาสที่อดีตผู้จัดการส่วนตัวให้มา โดยจุดเริ่มต้นมาจากการสนทนาผ่านอินสตาแกรม จนทำให้เธอได้ไปไกลถึงตึกมาลีนนท์ ช่อง 3 จากนั้นเพราะความสามารถด้านการแสดงโดดเด่นเข้าตา ทำให้เธอได้เซ็นสัญญากลายเป็นนักแสดงเต็มตัว

“พายไปแคสติ้งทั้งที่รู้ว่าไม่ได้” นักแสดงหน้าใหม่กล่าว “เพราะเราไม่มีอะไรโดดเด่น เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา และมีชีวิตที่น่าเบื่อมาก ซึ่งความฝันสูงสุดของพายจริงๆ คือ อยากทำภาพยนตร์ อยากเป็นเบื้องหลังในกองถ่ายต่างประเทศ เพราะอยากรู้ว่ากองถ่ายใหญ่ๆ เขาทำงานกันยังไง และมีกระบวนการอะไรบ้าง ความฝันถัดมาคือ อยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะคุณพ่อคุณแม่ทำงานสายการบิน ทำให้เราเติบโตมาในวงการการบินมาตลอด ส่วนการเป็นนักแสดงไม่เคยคิดให้เป็นหนึ่งในเส้นทางชีวิตเลย แต่เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว เราก็คว้าเอาไว้และลองทำให้ดีที่สุด”

หลังจากตัดสินใจรับหน้าที่เป็นนักแสดง ดูเหมือนว่าอาชีพที่เธอเคยเห็นจากหน้าจอโทรทัศน์จะไม่สบายอย่างที่คิด เพราะเธอต้องเรียนการแสดงอย่างหนักหน่วงตลอด 3 เดือน ต้องพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว และต้องแบ่งเวลาให้การเรียนและงานไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะกับคนที่บอกตัวเองเสมอว่า อยากทำงานเบื้องหลังเพราะทำงานเบื้องหน้าไม่ดี ก็ยิ่งต้องฝึกฝนและเข้าถึงศาสตร์นี้หนักกว่าคนอื่นหลายเท่า

พายกล่าวต่อว่า บางทีชีวิตก็เล่นตลก ด้วยการมอบสิ่งที่หนีมาตลอดกลับมาให้ถึงมือ ทำให้ชีวิตบันฑิตแห่งคณะเขียนบทละครเวที มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกทดสอบความสามารถและพลังใจจากละครเรื่องแรก ตะวันยอแสง

นางเอกในคนธรรมดา รินรดา แก้วบัวสาย


“ละครเรื่องแรกมันยากเพราะเป็นเรื่องแรก” น้ำเสียงเธอไม่ได้พูดเล่นแม้แต่น้อย “เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ในกองถ่ายละคร มีบทอยู่ในมือ และมีบทบาทให้ต้องสวมแสดง ทำให้พายต้องปรับตัวเยอะมาก ต้องไปเรียนรู้เรื่องมุมกล้อง หรือจังหวะการเล่น แต่ยังโชคดีที่ได้อยู่กับพี่นกหญิงกับพี่นกชาย (สินจัย-ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ที่ค่อยๆ สอน รวมถึงอาหมี (โชติรัตน์ รักเริ่มวงษ์) ผู้กำกับ ที่อดทนกับพายมาก และพี่ๆ นักแสดงทุกคนที่เป็นกันเอง ทำให้เด็กใหม่อย่างเราไม่เกร็ง และกล้าพูดคุยกับพี่ๆ แต่ความเป็นนักแสดงใหม่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เป็นจุดอ่อนของกองละคร ดังนั้นจึงต้องเรียนรู้การแสดงจากพี่ๆ คอยสังเกต และมาพัฒนาตัวเอง ซึ่งก็ได้เรียนรู้อีกว่า ถ้าเรากดดันตัวเองมากเกินไป มันก็จะทำให้เราทำไม่ได้ การเป็นนักแสดงครั้งแรกจึงเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายมากๆ ไม่ใช่สนุกหรือสวยงามตลอดเวลาเหมือนภาพที่ออกไปเลย”

อาชีพนักแสดงจึงไม่ใช่แค่แสดง แต่เป็นอาชีพที่มีความยากเหมือนกับทุกอาชีพ พายยังสารภาพด้วยว่า เมื่อก่อนเธอคิดว่านักแสดงคืออาชีพสบาย พอถึงกองถ่ายมีคนแต่งหน้าทำผมให้ ทำงานเสร็จรับเงินกลับบ้าน แต่พอได้มาอยู่ในอาชีพนี้จริงๆ ก็ทำให้เข้าใจว่า สิ่งที่เคยคิดมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่ เพราะอาชีพนักแสดงมีความซับซ้อน และมีความยากลำบากในแบบของมัน

ยกตัวอย่าง การร้องไห้ ที่ไม่ใช่แค่การทำอย่างไรก็ได้ให้น้ำตาไหล แต่ยังต้องแยกแยะไปอีกว่า ร้องไห้ด้วยอารมณ์อะไร ดีใจ เสียใจ ซึ้งใจ หรือโกรธ ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นน้ำตา นักแสดงต้องเอื้อมไปให้ถึงใจตนก่อนว่าต้องการอะไรกันแน่ สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้การแสดงเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและเป็นงานที่จะทำให้ดีนั้นไม่ง่ายเลย

เข้าใจบทและชีวิตจริง

การเป็นนักแสดงไปพร้อมกับเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ทำให้พาย “สติแตก” เพราะด้วยความที่เป็นคนจริงจังกับทุกอย่าง ทำให้เกิดเป็นความกดดันและเครียดจัดจนเธอแทบรับไม่ไหว

“สิ่งที่พายต้องทำมากที่สุดคือ การแบ่งเวลาให้เป็น เพราะจริงๆ แล้วการมีสองหน้าที่พร้อมกันไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงและเราก็รู้ตัวเองว่าสามารถทำได้ แต่มันขึ้นอยู่แค่ว่า ใจเราจะสู้ไหม อย่างช่วงละครเรื่องแรกพายกลับบ้านมาร้องไห้ เพราะมันกังวลไปหมด อยากเรียนจบและอยากทำงานละครให้ดี ทำให้ความอยากสองอย่างมาตีกันทำให้เราต้องเลือกว่าจะโฟกัสอันไหนมากกว่าดี ซึ่งจริงๆ แล้วเราโฟกัสทั้งสองอันให้เท่ากันก็ได้ แค่เลือกเวลาให้มันดี สรุปแล้วพายใช้เวลากว่าสามเดือนถึงจะจัดการชีวิตและความรู้สึกของตัวเองได้ และพอทำได้ ชีวิตก็มีความสุขและสนุกกับงาน”

นอกจากนี้ เธอยังยึดถือ อาตู่-นันทิดา แก้วบัวสาย เป็นไอดอลด้านการปฏิบัติตนในวงการบันเทิง ซึ่งทำให้เธอตระหนักไว้เสมอว่า คนที่อยู่ในสปอตไลต์ต้องวางตัวอย่างไร

นางเอกในคนธรรมดา รินรดา แก้วบัวสาย


นางเอกในคนธรรมดา

ระยะเวลา 1 ปีกว่าหลังเซ็นสัญญา ปัจจุบันพายกำลังถ่ายทำละครเรื่องที่ 3 กับซีรี่ส์ลูกผู้ชาย ตอน ภูผา (เรื่องที่ 2 ปิดกล้องไปแล้วคือเรื่อง ระเริงไฟ) พร้อมการประเดิมบทนางเอกเป็นครั้งแรก ซึ่งเธอสารภาพว่า “รู้สึกแปลก” ที่ได้เป็นนางเอกละคร กับสรรพนามใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้

ทว่าคำว่า นางเอก ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเลิศเลอกว่าใคร ในทางกลับกันมันยิ่งทำให้ต้องพัฒนาและเรียนรู้บทบาทใหม่นี้อีกครั้ง กล่าวได้ว่า อาชีพนักแสดงได้เติบโตไปพร้อมกับสาวน้อยคนนี้ ทำให้เธอมีประสบการณ์มากขึ้น รับผิดชอบงานได้ดีขึ้น ปล่อยวางได้มากขึ้น และที่สำคัญคือ หัวใจพองโตขึ้น

“เป้าหมายในตอนนี้พายอยากเลี้ยงดูครอบครัวและดูแลแม่ให้อยู่สบาย ทำงานในวงการบันเทิงให้ดีอย่างที่เราได้รับโอกาสดีๆ และรักษาชีวิตของผู้หญิงธรรมดาคนนี้ไว้ ไม่ให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก พ่อแม่ของพายบอกเสมอว่า ให้จำไว้ว่าเรามาจากที่ไหน และทุกครั้งที่เราก้าวต่อไปให้หันมองกลับไปมองดูว่าเราผ่านอะไรมา เราผ่านมากับใคร เห็นตัวเองตอนเริ่มต้นเป็นแบบไหน และอย่าลืมว่าตัวเองเคยเป็นใครมา”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พายได้เรียนรู้มาจากอาชีพนักแสดงไม่ใช่การตอบคำถามนักข่าว แต่คือการตอบคำถามตัวเอง ถึงการมีสติ รู้เท่าทันอารมณ์ และจัดวางสิ่งที่ยุ่งเหยิงให้ลงตัว ซึ่งส่งผลให้เธอสามารถจัดการชีวิตและทำงานได้อย่างมีความสุขเช่นในตอนนี้

“หลักในการใช้ชีวิตคือ การคิดตริตรอง ทำเต็มที่กับทุกๆ อย่าง และไม่ลดละความพยายาม แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องที่ไม่ถนัด แต่การเรียนรู้และฝึกฝนมันไปจะทำให้ไม่มีคำว่า เป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ ไม่อยากให้ทุกคนลืมใช้โอกาสที่เข้ามา นั่นคือ ลองให้โอกาสตัวเองทำสิ่งใหม่ๆ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าชีวิตสามารถพาตัวเราเองไปได้ถึงไหน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำ คือ ทำวันนี้ให้ดี และเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้อย่างอนาคต แล้วเราจะมีชีวิตที่ดี” พายกล่าวทิ้งท้าย