posttoday

ปานเทพ กุลพนาภินันท์ นักธุรกิจสื่อโฆษณาไฟแรง

19 กันยายน 2559

แบงก์-ปานเทพ กุลพนาภินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บอร์ดเวย์ มีเดีย

โดย...ชลารย์ ชล ภาพ... ประกฤษณ์ จันทะวงษ์

แบงก์-ปานเทพ กุลพนาภินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บอร์ดเวย์ มีเดีย ผู้ให้บริการสื่อโฆษณาป้ายแอลอีดีขนาดใหญ่ที่ตั้งตามจุดทำเลสำคัญทั้งในกรุงเทพฯ (15 จุด) และต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่รวม 30 จุด ถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ต้องบอกว่าประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจและน่าจับตามองคนหนึ่ง

ที่ว่าน่าจับตามอง เพราะผู้บริหารหนุ่มสร้างธุรกิจดังกล่าวขึ้นมาเองด้วยสมอง สองมือ เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์อันเฉียบขาดของเขา ที่สำคัญตอนนี้ธุรกิจกำลังไปได้สวย ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งเขาเองตั้งเป้าหมายจะขยายป้ายโฆษณาแอลอีดีขนาดใหญ่ให้ครบ 100 จุด ภายใน 3-5 ปี

หากย้อนประวัติของนักธุรกิจมากความสามารถคนนี้ก็น่าสนใจ เพราะตั้งแต่เรียนจบเขาปรารถนาอย่างแรงกล้าในการที่จะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จให้จงได้ ซึ่งอาจมีหลายคนที่พูดแบบนี้แต่ทำไม่ได้ สำหรับเขาแม้ไม่ได้เรียนด้านบริหารธุรกิจมาแต่ทำได้เพราะมีความมุ่งมั่น ช่างสังเกต และมีวิสัยทัศน์

 “ผมจบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม จุฬาฯ ตอนเรียนไม่ได้ชอบนักหรอก ก็เรียนให้จบๆ (หัวเราะ) พอจบแล้วอยากไปสายบันเทิง เนื่องจากรู้จักคนในวงการบันเทิงเป็นรุ่นพี่ขายโฆษณาในแกรมมี่ เลยไปสมัครเป็นเซลส์ที่เอไทม์มีเดียด้วย ขายโฆษณารายการวิทยุ เรดิโอโหวต แซตเทิลไลต์ แต่ทำอยู่ 1 ปีก็ออกไปทำให้กับวิทยุเหมือนกันที่คลิกเรดิโอ 2 ปีก่อนจะออกมาเปิดบริษัท บอร์ดเวย์ มีเดีย ของตัวเองในปี 2548”

 

ปานเทพ กุลพนาภินันท์ นักธุรกิจสื่อโฆษณาไฟแรง

 

ปานเทพเล่าเหตุผลที่ไปสมัครเป็นเซลส์ขายโฆษณา เพราะมองว่าเป็นงานที่จะทำให้ได้เงินมากกว่าการทำอยู่แผนกอื่นๆ เนื่องจากถ้าขายโฆษณาได้มากเท่าใดก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นมากขึ้นไปด้วย ขณะเดียวกันพอมีเงินมากก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ขยับเข้าใกล้การเป็นนักธุรกิจตามที่หวังได้เร็วขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง

“อยู่เอไทม์และคลิกเรดิโอรวม 3 ปี แล้วออกมาเปิดบอร์ดเวย์ มีเดีย ทำ Out of Home Media เริ่มจากทำป้ายโฆษณา (บิลบอร์ด) ซึ่งได้ไอเดียจากการไปเดินถนนข้าวสารแล้วเห็นป้ายโฆษณาไฮเนเก้นที่นั่นก็เกิดสงสัยว่าทำไมเบียร์ของไทยอย่างสิงห์ไม่มี เลยเข้าไปถามค่าเช่าที่กับเจ้าของที่ผู้ให้เช่า แล้วไปถามเอเยนซีที่ดูแลสื่อไฮเนเก้น ทำไมมาร์จิ้นเยอะขนาดนี้ ค่าเช่าหลักหมื่นแต่ขายเป็นแสน ผมคำนวณเลยกล่องไฟ 2-3 แสน 2-3 เดือนคืนทุนแล้ว ลูกค้าซื้อที 6 เดือนหรือปีหนึ่ง ยิ่งถ้าทำเลดีลูกค้าซื้อยาว เงินเห็นๆ”

ทว่าในการทำธุรกิจดังกล่าว ช่วงเริ่มต้นเขาขายไอเดียบนกระดาษก่อน (เพราะยังไม่กล้าลงทุน) ด้วยการไปถ่ายโลเกชั่นตามสถานที่ต่างๆ เช่น ซอยนานา ถนนข้าวสาร พัฒนพงษ์ ภูเก็ต พัทยา แล้วนำเสนอต่อเบียร์สิงห์ ปรากฏทางสิงห์โอเคซื้อไอเดีย ผมก็หาเงินมาทำ เริ่มจากทำป้าย สองป้าย สามป้าย ขยับไปเรื่อยๆ 

“ธุรกิจนี้รายได้โอเคเลย แต่ผมทำให้สิงห์เจ้าเดียวไม่ได้ทำให้ลูกค้ารายอื่น พอทำไปได้ระยะหนึ่งเริ่มมีอุปสรรค จากข้อกำหนดเกี่ยวกับป้ายโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เริ่มเข้มงวด สมัยก่อนลงภาพแพ็กช็อตได้ มีรูปขวด พอปี 2550 มีข้อห้ามแสดงรูปภาพแพ็กช็อต อนุญาตให้โฆษณาได้แค่โลโก้ ทำให้งบเหล่านี้ถูกดึงออกไป ผมต้องหาทางออกใหม่แทนที่จะให้ลูกค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาหล่อเลี้ยงบริษัทอย่างเดียวคงอยู่ไม่ได้ จึงตัดสินใจขยายกิจการอีกเพื่อหาสินค้าและลูกค้ารายอื่น”

ปานเทพ กุลพนาภินันท์ นักธุรกิจสื่อโฆษณาไฟแรง

อุปสรรคครั้งนั้น สำหรับนักธุรกิจมือใหม่อย่างเขาค่อนข้างหนักหน่วง เนื่องจากไม่ได้เผื่อทางหนีทีไล่ไว้แต่ต้น แล้วพอเกิดปัญหาขึ้นมาก็ทำให้แทบตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็สร้างความท้าทายให้เขาอย่างมาก เพราะด้วยความที่มีจิตวิญญาณของนักธุรกิจเต็มตัว ปานเทพตัดสินใจลงทุนทำป้ายโฆษณาขึ้นมาในโลเกชั่นต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตามที่ได้ไปสำรวจ และขายโฆษณาสินค้าอื่นๆ โดยไม่ต้องไปขายไอเดียบนกระดาษเหมือนตอนทำช่วงเริ่มต้นกับสิงห์ โดยก่อนนั้นในปี 2552 ได้บินไปดูงานป้ายโฆษณาที่เป็นสุดยอดของโลกที่ไทม์สแควร์ สหรัฐอเมริกา กลับมาพลิกโฉมใหม่วงการป้ายโฆษณาด้วยการทำป้ายแอลอีดีขนาดใหญ่เจ้าแรกในไทย

“ตอนนั้นผมเริ่มสนใจตัวแอลอีดี เลยไปดูงานที่อเมริกา ป้ายสวยมาก คอนเทนต์สุดยอด ซึ่งถ้ามีในไทยก็คงจะดี ตอนนั้นถามว่าแอลอีดีเข้ามาบ้านหรือยัง ต้องบอกว่ามาแล้ว แต่ยังไม่มีใครทำป้ายขนาดใหญ่ขนาด 300 สแควร์เมตรขึ้น มีแต่ป้ายเล็กๆ พอผมกลับมาก็ลงทุนทำป้ายแอลอีดีขนาดใหญ่เลย เพราะเรามีโลเกชั่นอยู่ตรงสี่แยกประตูน้ำที่มีความใกล้เคียงกับไทม์สแควร์มากที่สุดและเป็นทำเลที่ดี

ผมตัดสินใจเช่าพื้นที่ตรงสี่แยกประตูน้ำ ลงทุนไปเลย 20-30 ล้าน ปรากฏปีแรกเจ๊ง ลูกค้ายังไม่เข้าใจ ทำไมแอดโฆษณานิ่งๆ ไม่ดีกว่าหรือ ทำไมต้องเป็นหนังโฆษณา ทำไมต้องไปแชร์โฆษณากับคนอื่น จากที่ลูกค้าคิดแบบนี้ ผมเลยมองว่างั้นมันต้องมีเน็ตเวิร์กคือหลายๆ จุดไม่ใช่จุดเดียว จึงไปสร้างที่สี่แยกฟอร์จูน อนุสาวรีย์ชัย สี่แยกไทย-เบลเยียม ไล่มาเรื่อยจนทุกวันนี้ในกรุงเทพฯ มีประมาณ 15 จุด พอสร้างของเยอะขึ้นจนเป็นเน็ตเวิร์กลูกค้าเริ่มเข้าใจ จ่ายค่าโฆษณาเฉลี่ยต่อที่ถูก แต่รวมกันปุ๊บเขาได้หลายหลายจุด”

ปานเทพ ชี้ว่า หนังสปอตโฆษณาสินค้าต่างๆ ในจอแอลอีดีจะสร้างการรับรู้ต่อผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี เพราะวิถีชีวิตของคนเมืองทุกวันนี้อยู่นอกบ้านมากขึ้น วันหนึ่งใช้ชีวิตบนรถ 10 ชั่วโมงขึ้นไป เพราะฉะนั้นธุรกิจนี้ยังดีต่อเนื่อง และถ้าพูดถึงเซ็กเมนต์ที่เป็นดิจิทัล บริษัทของเขาถือเป็นเบอร์ 2 รองจากแพลน บี ที่มีจอเยอะที่สุดในประเทศไทย แต่ตอนนี้ของเขาก็ยังขยายไปต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ รวมทั้งกรุงเทพฯ ด้วย 30 จอ

ปานเทพ กุลพนาภินันท์ นักธุรกิจสื่อโฆษณาไฟแรง

 

“เรายิงโฆษณาพร้อมกันหมดเลย ลูกค้าก็จะได้ประโยชน์ คือ หนึ่งไม่ต้องเสียค่าผลิต กล่าวคือป้ายที่ทำต้องเสียค่าไวนิล ไหนทีมงานทั้งทีมหลายแสนบาทเลย เพราะฉะนั้นลูกค้าจะไม่กล้าทำ เพราะพอทำปุ๊บก็ต้องซื้อโฆษณายาว แต่พอเป็นแอลอีดีลูกค้าส่งข้อมูลมาให้เราทางอีเมลก็ขึ้นได้เลย แล้วเปลี่ยนโปรโมชั่นง่ายด้วย ประหยัดดี ลูกค้าเริ่มเข้าใจและเริ่มชอบ อีกอย่างเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดเวลา

ผมกับแพลน บีฯ พยายามทำตลาดป้ายโฆษณาจอแอลอีดีให้เป็นสื่อที่จำเป็นต้องใช้ เพราะทุกวันนี้คนดูทีวีน้อยลง บางอย่างโฆษณาลงไปไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ผมขยายไปจังหวัดต่างๆ แล้ว คือ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา ระยอง ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี หาดใหญ่ ภูเก็ต ตรัง นครศรีธรรมราช และมันใกล้เคียงกับ Out of Home TV ของจริงแล้ว แต่เป้าหมายใน 3-5 ปีนี้ผมต้องการมีเครือข่ายเน็ตเวิร์กให้ครบที่ 100 จอทั่วประเทศ (ต่างจังหวัด 50 กรุงเทพฯ 50) จะพยายามทำให้ได้ เชื่อว่าเพียงพอให้บริการลูกค้าได้ทั่วถึงกับกลุ่มเป้าหมายจริงๆ” นักธุรกิจหนุ่มทิ้งท้าย

ท้ายสุดนักธุรกิจหนุ่มให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์สื่อโฆษณาในปัจจุบันว่า ตอนนี้เป็นช่วงขาลงของสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ และโดยเฉพาะหนังสือแมกกาซีนทั้งหลายที่ปิดตัวลงจำนวนมาก แต่ที่พุ่งขึ้นมาก็คือสื่อออนไลน์ซึ่งจะดีขึ้นเรื่อยๆ และสื่อโฆษณาอย่าง Out of Home Media เพราะตราบใดที่คนเรายังออกไปนอกบ้านมากกว่าอยู่บ้าน Out of Home Media ก็ยังจำเป็นอยู่ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการตั้งอยู่ในโลเกชั่นที่ดี

“ผมว่าสื่อออนไลน์ กับ Out of Home Media ในอนาคตรุ่งนะ ใน 5-10 ปี ยังคงสำคัญอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องพัฒนาให้ทันกับความเปลี่ยนของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของลูกค้าและผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเร็ว ตัวผม Out of Home Media ยังให้ความสำคัญกับออนไลน์และพยายามหาการเชื่อมโยงระหว่างตัวออฟไลน์กับออนไลน์ให้ได้ก็ต้องพยายามซิงก์กันระหว่างตัวจอแอลอีดีซึ่งเป็นเฟิร์สสกรีนกับเซ็กคั่นสกรีน (โทรศัพท์ ไอแพด) ให้ลิงค์กันในอนาคต” นักธุรกิจหนุ่มทิ้งท้าย