เวฟ คูเปยจง ความมุ่งมั่นทลายทุกอุปสรรค

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

“ภาษา” ไม่ใช่อุปสรรค หากคุณตกหลุมรักใครสักคน เช่นเดียวกับหนุ่มหน้าใสตรงหน้า “เวฟ คูเปยจง” ภาษาไทยไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขาแม้แต่น้อย ในวันที่เขาตกหลุมรักประเทศไทยเข้าอย่างจัง และตัดสินใจจะลองหางานทำที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่าจนถึงวันนี้ 6 ปีแล้วที่เวฟมาพำนักอยู่ที่ประเทศไทย แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า คือ เขาพูดภาษาไทยได้ชัดเวอร์

“ตั้งแต่เด็ก พ่อและแม่พาผมมาเที่ยวเมืองไทยหลายครั้ง ผมชอบประเทศไทย ชอบวัฒนธรรมและผู้คน ดังนั้น หลังจากที่เสียคุณพ่อไป ผมตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทยคนเดียวเพื่อมารีเฟรชตัวเอง มาครั้งหนึ่งประมาณ 12 อาทิตย์ ผมไปมาอยู่หลายครั้ง เพราะไทยอยู่ใกล้มาเลเซีย ถ้าเกิดเรื่องด่วนทางบ้าน ผมจะได้กลับบ้านได้ทัน อีกอย่างตอนนั้น ผมเริ่มคิดว่า ถ้าสามารถเที่ยวไปทำงานไป คงดีไม่น้อย อย่างน้อยก็จะได้เที่ยวได้นานขึ้น ผมเลยไปลองหาเอเยนซีเพื่อหางานดู” เวฟ หนุ่มชาวจีนแต่ย้ายไปตั้งรกรากที่มาเลเซีย เล่าถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต

เวฟซึ่งโลดแล่นในวงการบันเทิงของจีน มาเลเซีย ฮ่องกง และไต้หวันมาก่อนที่จะเดินทางมาเมืองไทย เคยร่วมแสดงในหนัง เป็นพิธีกร และเล่นโฆษณามาก่อน เล่าว่า ที่เมืองไทย เขาไม่เจอแมวมอง แต่เดินเอารูปไปยื่นตามเอเยนซีเองเลย โชคดีที่ได้รับโอกาส เลยมีงานถ่ายโฆษณา ชิ้นแรกได้แสดงคู่กับ พอลล่า เทย์เลอร์ เป็นชิ้นแจ้งเกิดเลยก็ว่าได้

 

“หลังจากนั้น ผมก็ยังบินไปบินมา มีงานเข้ามาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเพื่อนชวนไปแกรมมี่ ซึ่งกำลังเปิดค่ายเพลงใหม่ ผมไปทั้งที่พูดและฟังภาษาไทยไม่ได้เลย ได้แค่แนะนำตัว แต่ผมก็ไป ไปเทสต์กับเพื่อนๆ เขาให้ร้องเพลง ผมก็ร้องเพลงลอยกระทง ต้องขอบคุณพ่อที่สอน เพราะพ่อจะชอบสอนเพลงของชาตินู่นชาตินี้ สุดท้ายโชคดีผู้ใหญ่ให้โอกาส ผมได้เป็นสมาชิกวง ‘พรินซ์’ ออกอัลบั้มกับเพื่อนๆ”

จุดนี้เอง คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้เวฟตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองไทยถาวร และเริ่มได้ซึมซับภาษาไทยทีละเล็กทีละน้อย จนในที่สุด เมื่อสมาชิกในวงแยกย้ายกันไป เวฟยังได้รับโอกาสให้ไปทำหน้าที่พิธีกรแทน ทุกวันนี้เวฟเป็นพิธีกรรายการเอ พอร์ต ทางช่องแบง แชนแนล และพิธีกรรายการคุกกิ้ง วิท ออมม่า ทางช่องโคเรียน แชนแนล

“ผมไม่เคยเข้าคลาสเรียนภาษาไทยจริงจัง ผมว่าอาจารย์ภาษาไทยที่ดีที่สุด คือ คนไทย ผมเชื่อว่า ถ้าต่างชาติคนไหนอยากหัดพูดภาษาไทย คนไทยก็พร้อมจะสอนนะ แม้ว่าบางครั้งเขาจะหัวเราะที่เราพูดไม่ชัดบ้างก็ไม่เป็นไร ช่วงที่ผมทำอัลบั้ม ได้ไปทัวร์ตามคลื่นวิทยุ เป็นช่วงที่ผมได้ฝึกมาก เพราะเวลาไป เขาก็จะถามคำถามคล้ายๆ กัน คำตอบเราก็เหมือนเดิม ก็เหมือนได้ฝึกฟัง ฝึกพูดไปในตัว”

ถึงเวฟจะพูดได้ถึง 4 ภาษา ได้แก่ จีนกลาง มลายู กวางตุ้ง อังกฤษ แต่เขายอมรับว่า การจะพูดภาษาไทยได้ขนาดนี้ก็ไม่เรื่องง่าย โดยเฉพาะช่วงที่เริ่มเป็นพิธีกรใหม่ๆ เวฟ บอกว่า สำหรับเขาการเป็นพิธีกรยากกว่าการเป็นนักร้องมาก เพราะเป็นนักร้อง ไม่ดียังเทกเอาใหม่ได้ แต่พิธีกรบางทีเราถ่ายรายการสด ต้องอาศัยไหวพริบ ความรู้รอบตัวเข้ามาร่วมอีก แต่ถึงจะยากเขาก็ไม่เคยยอมแพ้

“เรื่องงาน ผมไม่เคยยอมแพ้นะ เพราะผมเชื่อว่า มีคนที่ลำบาก ไม่มีโอกาสเหมือนผมอีกมาก เราเป็นส่วนหนึ่งของคนที่โชคดีมากๆ บางอย่างทุ่มเต็มร้อยแล้วไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร ขอแค่เราทำดีที่สุดแล้ว เวลาทำพลาด ผมจะไม่โทษคนอื่น แต่โทษตัวเอง พยายามแก้ไขสิ่งที่ไม่ดี แล้วไม่ทำซ้ำ พ่อผมสอนเสมอว่า ทุกอย่างในชีวิต เปรียบเหมือนเหรียญมีสองด้าน อยู่ที่ว่าจะเลือกมองด้านไหน ถ้าเรียกมองแต่ด้านลบ ก็ต้องมีชีวิตอยู่กับความทุกข์ไปตลอด”

เร็วๆ นี้ เวฟกำลังจะมีผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ให้แฟนๆ ติดตาม ซึ่งเวฟ บอกว่า ถือเป็นงานแสดงชิ้นแรกที่ได้รับบทนำ ร่วมกับนักแสดงอีก 3 คน ในโปรเจกต์หนัง Love Is นำแสดงโดย เต้ยพงศกร เมตตาริกานนท์ ฟางธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เวฟ คูเปยจง และ เวนดี้ หว่อง สำหรับเรื่องนี้ เวฟรับบทเป็น อาเว่ย

นอกจากโลดแล่นในวงการบันเทิงแล้ว เวฟยังมีกำลังปลุกปั้นอีกหนึ่งธุรกิจ นั่นคือ ร้านอาหารฮ่องกง ชื่อว่า “ลิตเติ้ล ฮ่องกง” ตอนนี้มี 2 สาขา สาขาแรกอยู่ที่สาธุประดิษฐ์ 19 และอีกสาขาอยู่ที่เดอะ ช็อปปส์ แกรนด์ พระราม 9

ไลฟ์สไตล์วันว่าง ถ้ามีเวลา เวฟ บอกว่า อยากไปเที่ยว เพราะชอบเดินทาง เขาบอกว่า เวลาเดินทางไปประเทศไทยจะไม่ได้เที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำ แต่จะไปตลาดท้องถิ่น เพื่อไปดูวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของคนในชาตินั้นจริงๆ

รีเฟรชตัวเองทุกวัน หนึ่งในกิจกรรมที่เวฟพยายามทำทุกวันเพื่อพักสมอง คือ ไปนวดไทยและนวดเท้า แค่วันละชั่วโมงก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

กิจกรรมยามว่าง เพราะทำธุรกิจร้านอาหาร ดังนั้น เมื่อมีเวลา เวฟจะเข้าครัวเพื่อศึกษาวิธีการทำอาหารใหม่ๆ แบบทุกขั้นตอน เวฟ บอกว่า เคยเรียนทำอาหารไทย ฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่นมาบ้าง เลยศึกษาต่อได้ไม่ยาก