posttoday

บลจ.กสิกรชวนซื้อK-GOLDลุ้นราคาทองนิวไฮ

31 มกราคม 2554

บลจ.กสิกรไทย ฉวยจังหวะทองคำราคาหลุด 1,340 ดอลล่าร์สหรัฐ ชวนซื้อ K-GOLD เชื่อปีนี้มีโอกาสทุบสถิตินิวไฮที่ 1,550 เหรียญ พร้อมแจกอั่งเปาฉลองตรุษจีนตลอดเดือนนี้

บลจ.กสิกรไทย ฉวยจังหวะทองคำราคาหลุด 1,340 ดอลล่าร์สหรัฐ ชวนซื้อ K-GOLD เชื่อปีนี้มีโอกาสทุบสถิตินิวไฮที่ 1,550 เหรียญ พร้อมแจกอั่งเปาฉลองตรุษจีนตลอดเดือนนี้

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลงมาที่ประมาณ 1,335 เหรียญสหรัฐเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ลงทุนในการเข้าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนทองคำ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจในอนาคต ซึ่งผู้ที่เลือกลงทุนกับ กองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) ตั้งแต่วันที่ 1 - 28 ก.พ.2554  จะได้รับอั่งเปาทองคำพิเศษรับเทศกาลตรุษจีน โดยเงินลงทุนทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุนเพิ่มมูลค่า 100 บาท สูงสุดถึง 10,000 บาท

“บลจ.กสิกรไทย คาดว่ากรอบการลงทุนในทองคำปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 1,350-1,550 เหรียญสหรัฐ ดังนั้น การที่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ปรับตัวลงมาต่ำกว่า 1,340 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ จึงถือว่าอยู่ในระดับที่น่าเข้าลงทุน สำหรับโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในทองคำ เราเชื่อว่าในระยะยาวราคาทองคำยังเป็นไปในทิศทางที่สดใสจากปัจจัยหลายประการ ทั้งจากความต้องการถือครองทองคำที่สูงขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการถือพันธบัตรรัฐบาลของกลุ่มประเทศในยุโรปที่มีหนี้มีสูง อีกทั้งการที่ธนาคารกลางของเอเชียซึ่งแต่เดิมถือเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นหลัก แต่เมื่อเงินเหรียญสหรัฐฯอ่อนค่าลง จึงทำให้เกิดการลงทุนทองคำเพิ่มมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง รวมไปถึงการปรับตัวสูงขึ้นของภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มเห็นในจีนก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความต้องการทองคำมากขึ้น” นายพัชรกล่าว

นายพัชร กล่าวว่า สำหรับผู้ลงทุนที่นิยมซื้อทองคำเพื่อสะสมโอกาสทำกำไรจากราคาทองขาขึ้นหรือมอบเป็นของขวัญในเทศกาลตรุษจีน กองทุนเปิดเค โกลด์  (K-GOLD) นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากหากเทียบกับการลงทุนในทองคำ 96.5 % ในประเทศ ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณ 14 % ในปีที่ผ่านมา กองทุน K-GOLD นับว่าให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าโดยคิดเป็นประมาณ 25%ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของทองคำแท่ง 99% ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณ 28% อีกทั้งการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวในช่วงนี้จึงเป็นโอกาสที่ผู้ลงทุนจะเข้าซื้อ   K-GOLD เพราะเมื่อราคาทองคำโลกปรับตัวสูงขึ้นและค่าเงินบาทมีทิศทางกลับมาแข็งค่าขึ้น โอกาสเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจาก K-GOLD จะดีกว่าจากการลงทุนทองคำแท่งในประเทศ เพราะจะไม่มีการขาดทุนจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น

สำหรับจุดเด่นของกองทุน K-GOLD นอกจากจะเป็นกองทุนทองคำที่มีความนิยมสูงจนต้องขอเพิ่มวงเงินลงทุนในต่างประเทศผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ไปหลายครั้งแล้ว ปัจจุบันมีขนาดกองทุนกว่า 7 พันล้านบาทโดยเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กองทุนนี้ยังลงทุนในกองทุน SPDR Gold Trust  ซึ่งลงทุนในทองคำแท่ง 99% จึงเหมือนกับการซื้อทองคำแท่งเก็บไว้จริงๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา พร้อมทั้งมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า   90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ  ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินผันผวนไปได้ นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ก็เพียงแค่ 0.1% ถือเป็นการช่วยประหยัดต้นทุนสำหรับผู้ลงทุนที่นิยมการ Trade เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนตามการปรับตัวขึ้น-ลงของราคาทองคำได้อย่างดี”นายพัชร กล่าว

ข่าวล่าสุด

ถอดพฤติกรรมการเงินคนไทย 4 เจเนอเรชัน จาก Gen Z ถึง Baby Boomer