posttoday

สสว.เปิดช่องเอสเอ็มอีเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมูลค่ากว่า 1.3 ลล.บ.

15 มีนาคม 2564

สสว.เดินสายชักชวนเอสเอ็มอีขึ้นทะเบียนร่วมประมูลจัดซื้อจัดจ้างงานภาครัฐ หลังรัฐบาลให้โควต้า30% บังคับต้องเลือกเอสเอ็มอีในจังหวัดอย่างน้อย 3 ราย หวังช่วยสร้างโอกาสให้เข้าถึงตลาดการจัดซื้อจัดจ้างที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย้อม (สสว.) เปิดเผยภายหลังการประชุมเผยแพร่มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ “THAI SME-GP@นนทบุรี” ว่า การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำและเชิญชวนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP ที่ สสว. จัดทำขึ้น ภายใต้มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปีได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น

ทั้งนี้กำหนดสิทธิประโยชน์ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 2 วิธี คือ วิธีที่ 1 การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก ซึ่งกำหนดให้ภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างจากสินค้าและบริการจากเอสเอ็มอีไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 โดยต้องคัดเลือกเอสเอ็มอีในจังหวัดก่อนอย่างน้อย 3 ราย และวิธีที่ 2 การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ซึ่งให้แต้มต่อเอสเอ็มอีไม่เกินร้อยละ 10 โดยเอสเอ็มอีที่ขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP สามารถเสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุดได้ไม่เกินร้อยละ 10 จะได้รับคัดเลือกอัตโนมัติ

สำหรับเอสเอ็มอีที่ได้รับสิทธิประโยชน์ ต้องเป็นผู้ประกอบไทยที่เป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา หรือวิสาหกิจชุมชน ถ้าอยู่ในภาคการผลิต จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ถ้าอยู่ในภาคการค้าและภาคบริการ รายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาท ซึ่่งหากพิจารณาตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา ระหว่างปี 2561-2563 จะเห็นว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีมูลค่า 1.098 ล้านล้านบาท ปี 2562 มีมูลค่า 1.098 ล้านล้านบาท และปี 2563 คือ 1.3 ล้านล้านบาท

ส่วนสินค้าหรือบริการที่ภาครัฐซื้อหรือจ้างในลำดับต้นๆ ตามข้อมูลของกรมบัญชีกลางปี 2563 คือ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ บริการทำความสะอาด อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บริการดูแลต้นไม้และสนามหญ้า อุปกรณ์กีฬา เครื่องใช้ในครัวเรือน

“รัฐบาลได้ออกกฎกระทรวงที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการของเอสเอ็มอีที่ขึ้นบัญชีไว้กับ สสว. ในวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าว นับเป็นการเปิดโอกาสสำคัญให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ จึงอยากให้เชิญชวนผู้ประกอบการมาขึ้นทะเบียนกับ สสว. ซึ่งสามารถขึ้นได้ด้วยตัวเองได้ที่ www.thaismegp.com และขอให้เชิญชวนให้เอสเอ็มอีที่เป็นผู้ค้าขาย (Vendor) กับหน่วยงานภาครัฐอยู่แล้ว ต้องมาขึ้นทะเบียน THAI SME-GP กับ สสว. เพื่อได้รับประโยชน์จากโอกาสนี้ด้วย”

อย่างไรก็ตามตั้งแต่มาตรการมีผลบังคับใช้เมื่อ 22 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา สสว. ได้ดำเนินการให้ข้อมูลความรู้เพื่อขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคาดว่าภายในเดือนสิ้นเดือนมีนาคมนี้ จะมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียน ประมาณ 10,000 ราย และสิ้นปีงบประมาณ 2564 คาดว่าจะมี จะมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนประมาณ 100,000 ราย

ด้านน.ส.อโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า การที่ สสว. เลือกมาดำเนินการจัดกิจกรรมใหญ่ครั้งแรกที่จังหวัดนนทบุรี ก็จะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในจังหวัดนนทบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง เพราะจากข้อมูลพบว่า จังหวัดนนทบุรีมีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการรวมทั้งสิ้น 75,180 ราย หากสร้างการรับรู้ในวงกว้างเพื่อให้มาขึ้นทะเบียนไว้กับ สสว. มากยิ่งขึ้นก็จะสร้างโอกาสให้ได้รับการซื้อหรือจ้างงานจากหน่วยงานของรัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปีได้มากขึ้นซึ่งเป็นช่องทางการสร้างรายได้ให้กิจการได้ดีอีกทางหนึ่ง