posttoday

กสอ. แนะ 4 เทคนิคพัฒนาเอสเอ็มอี ค้าตลาดออนไลน์

15 กรกฎาคม 2563

กสอ. เผยโอกาสรายย่อยทำการค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ รับแนวโน้มเติบกว่า35% ช่วยลดเช่าหน้าร้าน ค่าจ้างแรงงาน ไม่ต่ำกว่า40%

นายใบน้อย สุวรรณชาตรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจผ่านการทำตลาดออนไลน์ หรือ e-commerce สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคได้ปรับสู่ตลาดออนไลน์มากขึ้น และมีการคาดการณ์ว่ามูลค่ารวมของตลาดออนไลน์ในปี พ.ศ.2563 จะสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนๆ ที่ผ่านมา

ประกอบกับในช่วงที่ประเทศทั่วโลกประสบวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการปรับตัวของผู้ประกอบการในการพัฒนาศักยภาพ เพื่อส่วนแบ่งทางการตลาดนี้ ทั้งนี้มี 4 กลยุทธ์ดีพร้อม ในการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย

  • สร้างตราสินค้าที่ดีพร้อม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่ควรมองข้าม ทั้งชื่อของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นตัวแทนของกิจการในการสื่อสารกับผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพ หากสามารถสร้างการรับรู้และการจดจำของผู้บริโภคในตลาดออนไลน์ได้ ถือว่ามีโอกาสในการค้าขายที่มากยิ่งขึ้น
  • สร้างคอนเทนต์ที่ดีพร้อม ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการทำตลาดออนไลน์ ผ่านการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวโยงกับผลิตภัณฑ์และเป็นประโยชน์กับผู้บริโภค เพื่อสร้างความเข้าใจในคุณลักษณะ ทั้งยังสามารถความประทับใจให้กับผู้อ่านเพื่อการเปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้บริโภค
  • สร้างเว็บไซต์ที่ดีพร้อม นอกจากการนำผลิตภัณฑ์ไปจัดจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมแล้ว หากสามารถเชื่อมโยงให้บริโภคเข้ามายังเว็บไซต์ของกิจการได้ ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น ขณะเดียวกันต้องมีการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และสะดวกในการค้นหา
  • สร้างภาพที่ดีพร้อม สิ่งแรกที่จะสื่อสารกับผู้บริโภคได้ นั่นคือ ภาพของผลิตภัณฑ์ การจัดองค์ประกอบ การเลือกใช้มุมภาพ หรือการตกแต่งภาพด้วยเทคนิคต่าง ๆ จะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญในการส่งเสริมการขาย ที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งนี้ 4 กลยุทธ์ข้างต้น ถูกบรรจุไว้ในกิจกรรม “การยกระดับ SMEs สู่ Global ด้วยการตลาดออนไลน์ e-commerce” หรือ การระดับเอสเอ็มอีสู่ระดับโลกด้วยการทำตลาดออนไลน์ ที่ กสอ. มีผู้ประกอบการสมัคร เข้าร่วมกว่า 300 กิจการ ซึ่งมี 35 กิจการที่มีศักยภาพพร้อมสำหรับการปรับปรุง ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรม

โดยจากการดำเนินกิจกรรมฯ พบว่า สามารถลดต้นทุน อาทิ ต้นทุนการเช้าหน้าร้าน ค่าจ้างแรงงาน ฯลฯ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30-40 หรือราว 28 ล้านบาท และสามารถเสริมสร้างมูลค่ายอดขายทางตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10-20 หรือราว 12 ล้านบาท นายใบน้อย กล่าว