posttoday

ต้นทุนพุ่ง-โอมิครอน ฉุดดัชนีเชื่อมั่นฯร่วงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ส่งสัญญาณจ่อปรับราคาสินค้า

10 มีนาคม 2565

ส.อ.ท.ตั้งทีมเกาะติด รัสเซีย-ยูเครน ห่วงน้ำมันแพงกดดันสินค้าจ่อปรับขึ้นราคา 3-6 เดือนข้างหน้า ชงรัฐตรึงราคาพลังงาน-ค่าไฟ เบรคต้นทุนพุ่ง

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ระดับ 86.7 ปรับตัวลดลงจากระดับ 88.0 ในเดือนมกราคมต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดยองค์ประกอบดัชนีฯ ปรับตัวลดลงทุกรายการทั้งคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลกระกอบการ

ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ภาครัฐยกระดับการเตือนภัยโรคโควิด-19 จากระดับ 3 เป็นระดับ 4 ทั่วประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า

นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังเผชิญปัญหาต้นทุนการผลิตสินค้าปรับตัวสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบราคาพลังงานที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงตามทิศทางราคาตลาดโลกรวมถึงต้นทุนค่าขนส่งสินค้าและการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) ขณะที่การส่งออกผู้ประกอบการเผชิญความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านำเข้าขณะที่ปัญหา Supply Disruption ที่ยังไม่คลี่คลาย

ส่วนปัญหาข้อพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าโลกมีความไม่แน่นอน  แม้ในเดือนกุมภาพันธ์ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐผ่านโครงการคนละครึ่งเฟส 4 และการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนบางส่วน

อย่างไรก็ตามจากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,242 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นได้แก่ ราคาน้ำมัน ร้อยละ 75.2 สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ร้อยละ 68.5 เศรษฐกิจในประเทศ ร้อยละ 56.8 สภาวะเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 52.3 อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ร้อยละ 48.3 สถานการณ์การเมืองในประเทศ ร้อยละ 45.5 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 45.6 ตามลำดับ

ต้นทุนพุ่ง-โอมิครอน ฉุดดัชนีเชื่อมั่นฯร่วงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน  ส่งสัญญาณจ่อปรับราคาสินค้า

สำหรับดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 97.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 96.4 ในเดือนมกราคม ผู้ประกอบการเห็นว่าการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ไม่รุนแรงเหมือนช่วงก่อนหน้า กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปได้ขณะที่ภาคการผลิตทั่วโลกยังคงขยายตัวส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของไทย นอกจากนี้การผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศตามนโยบายTest & Go ช่วยเอื้อต่อการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

นายสุพันธุ์  กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้จัดทำข้อเสนอแนะต่อภาครัฐไว้ดังนี้ 1. เตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาทิ การสำรองยาให้เพียงพอ บริหารจัดการเตียงรองรับผู้ป่วยวิกฤต สนับสนุนยาและสิ่งของจำเป็นในการกักตัว Home Isolation เพิ่มจำนวนโรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอย และการแจกชุดตรวจ ATK ให้กับกลุ่มเสี่ยง

2.ยกเลิกมาตรการ Test & Go โดยให้ผู้เดินทางเข้าประเทศแสดงวัคซีนพาสปอร์ตแทนก่อนเข้าประเทศ พร้อมทั้งจัดให้มีระบบตรวจติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และเสริมสร้างบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวของไทย  3.ออกมาตรการดูแลราคาพลังงาน อาทิ การตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาก๊าซ และการคงค่าไฟฟ้าผันแปร(FT) เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม

และ 4.ขอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐ-เอกชน เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งหามาตรการบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการด้านการค้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลเพื่อให้ภาคเอกชนนำไปวางแผนการค้าหรือแสวงหาโอกาสทางค้าในตลาดที่มีศักยภาพ

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการในภาคการผลิตสินค้าต่างๆ ให้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมจะมีปริมาณสินค้าในสต็อกไม่เท่ากัน บางรายอาจมีสต็อก 3 เดือน บางรายอาจมีสต็อก 6 เดือน ดังนั้น จากผลกระทบดังกล่าว คาดว่าจะได้เห็นผู้ผลิตสินค้าทยอยปรับขึ้นราคาในช่วง 3-6 เดือนจากนี้

ทั้งนี้ในส่วนของปุ๋ยเคมี เตรียมขอปรับขึ้นใน 1-2 เดือนนี้แล้ว ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมจะมีสต็อกสินค้าไม่เท่ากันบางรายการ 3 เดือนหรือ 6 เดือนบ้าง ขณะนี้สต็อกเริ่มลดลง ยกตัวอย่าง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นตัวชี้วัด ยังขอปรับขึ้นราคาแล้ว เพราะข้าวสาลีที่เป็นวัตถุดิบสำคัญปรับตัวสูงขึ้น