posttoday

ปตท.สผ.เดินหน้า 100% เร่งผลิตก๊าซฯหลังเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณ ยันแผนไม่สะดุด

22 ธันวาคม 2564

ปตท.สผ.เตรียมเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณหลังเชฟรอนเอ็มโอยูตามเงื่อนไข กางแผนสำรองจัดหาก๊าซฯชดเชยช่วงรอยต่อ คาดเม.ย.ต่ำสุดเหลือ 200 ล้านลบ.ฟุต

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า  ปตท.สผ.เดินหน้า 100 % เพื่อเข้าพื้นที่แหล่งก๊าซเอราวัณ ในการวางติดตั้งแท่นผลิตใหม่ และวางท่อก๊าซฯภายหลังได้ลงนามสัญญากับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตผู้รับสัมปทานรายเดิม ซึ่งกำหนดไว้ 3 เงื่อนไข ได้แก่ 1.การเข้าพื้นที่ระยะที่ 2 (Site Access Agreement 2 หรือ SAA2) 2. ข้อตกลงการโอนถ่ายการดำเนินงาน (Operations Transfer Agreement: OTA) และ3.ข้อตกลงการเข้าพื้นที่ของผู้รับสัมปทานเพื่อดำเนินกิจกรรมการรื้อถอน (Asset Retirement Access Agreement หรือ ARAA) 

ทั้งนี้ยอมรับว่าการเข้าพื้นที่ล่าช้าไปกว่าแผน 2 ปี ซึ่งไม่ใช่ความผิดของปตท.สผ. แต่ที่ผ่านมาพยายามเจรจากับเชฟรอนเพื่อขอเข้าพื้นที่แหล่งก๊าซเอราวัณให้ได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากการเจรจาไม่ได้ข้อสรุปจนล่าสุดเพิ่งมีการลงนามข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อย โดยหลังจากนี้จะเตรียมความพร้อมติดตั้งแท่นหลุมผลิตจำนวน 8 แท่น เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติให้ได้ตามสัญญา 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต(ลบ.ฟุต)ต่อวัน ซึ่งต้องใช้เวลา 2 ปี

อย่างไรก็ตามได้ทำหนังสือไปยังกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความล่าช้าในการเริ่มผลิตก๊าซฯ ในขณะที่ปัจจุบันกำลังผลิตผลิตก๊าซฯของแหล่งเอราวัณเหลือเพียง 400 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน และเมื่อสิ้นสุดสัญญาสัมปทานเมษายน 2565 จะลดเหลือ 200 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน จากก่อนหน้าเคยผลิตได้ 1,200 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน เนื่องจากเชฟรอนทยอยลดกำลังการผลิตลงก่อนสิ้นสุดสัญญา

“ปริมาณการผลิตก๊าซฯลดลงอย่างต่อเนื่องจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นในปีหน้าจะเร่งดำเนินการผลิตก๊าซฯให้เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 250-300 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน พร้อมทั้งเพิ่มกำลังผลิต ในแหล่งบงกชจาก 700 ล้านลบ.ฟุตต่อวันเพิ่มเป็น825 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน   แหล่งอาทิตย์เพิ่มจาก 220ล้านลบ.ฟุตต่อวันเป็น 280 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน และพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย(เจดีเอ) เพิ่มปริมาณก๊าซฯอีก 30-50 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน จากปัจจุบัน 250 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน รวมแล้วเพิ่มได้อีก 200-250 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน ซึ่งยังไม่เพียงพอกับปริมาณก๊าซที่หายไป โดยจะต้องมีการนำเข้าก๊าซฯเพิ่มเติมจากต่างประเทศ”

นายมนตรี กล่าวถึง การแพร่ระบาดโควิดสายพันธ์โอมิครอน ไม่น่ามีผลกระทบต่อปริมาณความต้องการใช้ก๊าซและน้ำมันในอนาคต  โดยยังไม่มีการทบทวนเป้าหมายปริมาณปิโตรเลียมในปี 2565 ยังคงไว้ที่  467,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 417,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน