posttoday

ศก.คู่ค้าฟื้นดันดัชนีอุตฯบวกต่อเนื่อง ชี้คลายล็อกธุรกิจทิศทางดีขึ้น

30 สิงหาคม 2564

‘สุริยะ’เผยส่งออกทะลุ 7 แสนล้าน หนุนภาคการผลิตขยายตัวทั้ง ยานยนต์ -ชิ้นส่วน-ยาง ส่งผลดัชนีอุตฯก.ค.บวก 5.12% สั่งเกาะติดคลัสเตอร์วิดในโรงงาน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  รมว.อุตสาหกรรม  เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2564 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากการฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ที่มีความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น ภาคการผลิตของไทยจึงได้รับอานิสงค์สามารถขยายการผลิตเพื่อส่งออกได้มากขึ้น โดยการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 มูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรมยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง ทั้งนี้ สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของแรงงานในสถานประกอบการ ปัจจุบันยังไม่ส่งผลต่อการจ้างงานและการผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาพรวม สะท้อนได้จากดัชนีแรงงานอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2564 ยังคงขยายตัวร้อยละ 3.41  เมื่อเทียบกับเดือนเดียวของกับปีก่อนซึ่งแสดงให้เห็นจำนวนชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ยังคงติดตามสถานการณ์การควบคุมการระบาดในสถานประกอบการอย่างใกล้ชิด โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินตามมาตรการควบคุมพื้นที่เฉพาะหรือบับเบิลแอนด์ซีล (Bubble & Seal) และได้จัดทำโครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรมหรือแฟคทอรี่แซนด์บ็อกซ์ (Factory-Sandbox) ภายในสถานประกอบการ โดยมุ่งเป้าอุตสาหกรรมส่งออกหลักของประเทศไทย เพื่อให้ภาคการผลิตสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างต่อเนื่อง

นายทองชัย  ชวลิตพิเชฐ  ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม-(สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 91.41 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.12 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI ขยายตัว อาทิเช่น รถยนต์และเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ เป็นต้น เนื่องจากมีความต้องการตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากตัวเลขการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยาน) มูลค่า 541,763.15 ล้านบาท ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 28.67 

ศก.คู่ค้าฟื้นดันดัชนีอุตฯบวกต่อเนื่อง ชี้คลายล็อกธุรกิจทิศทางดีขึ้น

ส่วนการนำเข้าสินค้าทุน ขยายตัว ร้อยละ 35.40 ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ รวมถึงการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 50.11 ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการยังมีแนวโน้มที่จะมีการผลิตเพิ่มขึ้นในเดือนถัดไป

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งด้านการเงินและการคลัง รวมถึงการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 และแผนการเปิดประเทศในครึ่งปีหลัง

อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ อาทิ การระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรม ปัญหาการขาดแคลนชิปและตู้คอนเทนเนอร์ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยกว่าคาดการณ์

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่มีดัชนีผลผลิตที่ส่งผลบวกขยายตัวในเดือนกรกฎาคม 2564  รถยนต์ และเครื่องยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 31.49   ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.02  ตามความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และคาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้น  ในระยะยาวเพราะจะมีการใช้ชิ้นส่วนชิปที่มากขึ้น

ส่วนผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.55 จากยางแท่งและยางแผ่นเป็นหลัก ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ของกลุ่มประเทศคู่ค้าหลักคลี่คลายและกลับมาสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจาก จีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป รวมถึงปีนี้มีฝนตกต่อเนื่องทำให้ต้นยางสมบูรณ์ผลิตน้ำยางได้มาก

ขณะที่อุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวลดลง ได้แก่ การกลั่นปิโตรเลียม ลดลง 5 % จากมาตรการจำกัดการเดินทางส่งผลให้มีการใช้น้ำมันลดลง  เบียร์ ลดลง 21.86 % เนื่องจากช่วงโควิมีการล็อกดาวน์พื้นที่ ห้ามนั่งร้านอาหาร การ work from home  ทำให้ลดการบริโภคลง 

“หลังศบค.ได้ผ่อนผันมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงการจำนวนการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น  และโรงงานกลับมาเดินเครื่องตามปกติ เชื่อว่าแนวโน้มดัชนีอุตสาหกรรม ตั้งแต่เดือนก.ย. น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง”นายทองชัย กล่าว