posttoday

ไทยหนุนใช้ CL เปิดทางผลิตวีคซีนใช้เองในประเทศ

06 มิถุนายน 2564

‘จุรินทร์’ ร่วมวงถกเอเปค มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด สนับสนุนใช้ CL ผลิตวัคซีนอย่างเท่าเทียมยกเว้นสิทธิบัตร

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์    รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (Ministers Responsible for Trade Meeting: MRT 2021)เมื่อคืนวันที่ 5 มิ.ย. ผ่านระบบการประชุมทางไกล  โดยได้เสนอประเด็นสำคัญ ต่อที่ประชุม คือ การรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19และการค้าระบบพหุภาคีภายใต้การกำกับของ WTO

ทั้งนี้ไทยสนับสนุนการเคลื่อนย้ายวัคซีนและสินค้าจำเป็นต่อการแก้ปัญหาโควิด โดยการลดอุปสรรคทางการค้า และมาตรการในการจำกัดการส่งออกเพื่อให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีน และสินค้าจำเป็นต่อการแก้ปัญหาโควิดได้โดยสะดวกรวดเร็ว

นอกจากนี้ไทยยืนยันที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงในการอำนวยความสะดวกทางการค้าภายใต้กติกาของ WTO พร้อมกับเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ทั่วถึงตามเป้าหมายโดยเร็ว และสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนของทุกประเทศในโลก

ขณะเดียวกันไทยสนับสนุนการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรยา หรือ CL (Compulsory licensing) ในการผลิตวัคซีนในช่วงวิกฤตโควิด เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว โดยให้สิทธิเป็นกรณีพิเศษสำหรับการผลิตวัคซีนโดยเหตุผลของสุขภาพอนามัยของประชาชนในประเทศนั้นๆโดยไม่ถือเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในช่วงวิกฤติโควิด และที่ประเทศไทยอยากเห็นคือมีการยกเว้นการคุ้มครองสิทธิบัตรหรือทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ผลิตวัคซีน ตามข้อตกลงทริปส์

นอกจากนี้ รัฐมนตรีการค้าเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจ ได้ร่วมกันรับรองแถลงการณ์สำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 แถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าประจำปี 2564 ซึ่งมีสาระสำคัญ 3 ส่วน คือ 1. ใช้การค้าเป็นกลไกสำคัญในการฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ 2. สนับสนุนการค้าระบบพหุภาคี และ 3 ร่วมกันผลักดันให้เกิดความมั่งคั่งในเอเปค ฉบับที่ 2 แถลงการณ์เอเปคเรื่องห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมีสาระสำคัญคือการอำนวยความสะดวกการค้าสินค้าวัคซีนโควิด-19 และสินค้าจำเป็น และ ฉบับที่ 3 แถลงการณ์เอเปคเรื่องการบริการเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนย้ายสินค้าจำเป็น เน้นการอำนวยความสะดวกทางการค้าขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของห่วงโซ่การผลิต

อย่างไรก็ตามเอเปคเป็นกรอบความร่วมมือของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประกอบด้วยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไนฯ แคนาดา ชิลี จีน จีนฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ จีนไทเป ไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ในปี 2563 การค้าของไทยกับกลุ่มเศรษฐกิจเอเปค มีมูลค่า 9.8 ล้านล้านบาท (15,666 ล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็น 71.9% ของที่ไทยค้ากับทั่วโลก โดยไทยนำเข้าจากเอเปคมูลค่า 4.7 ล้านล้านบาท (150,711 ล้านเหรียญสหรัฐ) และไทยส่งออกไปเอเปคมูลค่า 5.1 ล้านล้านบาท (164,955 ล้านเหรียญสหรัฐ)