posttoday

เซ็นทรัล ชิงลงทุนฝ่าวิกฤตโควิด เฉียด 1.4 หมื่นล้าน ผุด 3โครงการมิกซ์ยูส ในอยุธยา-ศรีราชา-จันทบุรี 

25 มีนาคม 2564

เซ็นทรัล สร้างเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย เดินหน้าลงทุนปั้นแลนด์มาร์กใหม่ 3 บิ๊กมิกซ์ยูส ในจังหวัดศักยภาพสูงมูลค่ารวมกว่า 13,900 ล้านบาท เปิดตัวใหญ่สิ้นปีนี้ – กลางปี 65 

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนาบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น (CPN) ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ค้าปลีก “ศูนย์การค้าเซ็นทรัล” เปิดเผยว่า ในปี2563 ที่ผ่านมา แม้จะเป็นปีแห่งความท้าทายจากวิกฤติโควิดก็ตาม แต่ในปี 2564 นี้ ซีพีเอ็น เชื่อมั่นว่าในวิกฤตยังมีโอกาสในการลงทุนเติบโตร่วมกันเพื่ออนาคตของประเทศ โดยเตรียมพร้อมเปิดโครงการตามแผนที่วางไว้ทั้งสิ้น 3 บิ๊กมิกซ์ยูส รวมมูลค่าโครงการกว่า 13,900 ล้านบาท 

โดยประกอบด้วย เซ็นทรัล อยุธยา มูลค่า 6,200 ล้านบาท, เซ็นทรัล ศรีราชา มูลค่า 4,200 ล้านบาท และเซ็นทรัล จันทบุรี มูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งเสริมและยกระดับศักยภาพจังหวัด พร้อมดึงความโดดเด่นของอัตลักษณ์ท้องถิ่น และกระจายความเจริญและรายได้สู่ชุมชน 

ทั้งนี้การขยายโครงการครั้งนี้ ซีพีเอ็น วางแผนไว้ให้เป็นมากกว่าแค่การขยายสาขาศูนย์การค้า ภายใต้ 3 กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ คือ 1. บุกเบิกเมืองด้วยโมเดล Fully-Integrated Mixed-Use Developments ที่แข็งแกร่ง 2. Customer-Centric Design Thinking and Marketing และ 3) Tenant-Centric Business Partnership กล่าวคือ

กลยุทธ์ที่ 1: บุกเบิกเมืองด้วยโมเดล Fully-Integrated Mixed-Use Developments ที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัลพัฒนา ด้วยจุดแข็งและ Success Formula ของบริษัทฯ ที่มีมายาวนาน โดยทุกโครงการสร้าง Big Impacts ให้กับทุกจังหวัดที่ไปตั้งอยู่ ประกอบกับความเชี่ยวชาญในการพัฒนาทุกองค์ประกอบให้เป็นส่วนประกอบที่ดีที่สุดและที่เชื่อมโยงเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน 

อีกทั้งคอนโดมิเนียม ยังเน้นจุดแข็งที่อยู่ติดศูนย์การค้าทำให้หลายโครงการสามารถ sold out ได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ระยอง อาคารแรก, เชียงใหม่ อาคาร 1-2, โคราช อาคารแรก และขณะนี้มีเปิดโครงการเพิ่มอยู่ทั้ง 3 จังหวัด ส่วนโครงการที่หาดใหญ่ขณะนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นต้น ปัจจุบันธุรกิจที่พักอาศัยของเซ็นทรัลพัฒนามีกว่า 18 โครงการใน 10 จังหวัด รวมถึงยังมีโรงแรมแบรนด์ใหม่ที่จะเกื้อหนุนโครงการ ทำให้มี Business & Traffic Ecosystem ที่ดีอย่างแน่นอน

สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ที่เล็งเห็นศักยภาพและเจาะเมืองเศรษฐกิจใหม่ไปพร้อมกับแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ อาทิ  เซ็นทรัล อยุธยา เพื่อสร้าง Complete Tourism Ecosystem ให้กับจังหวัด ช่วยยกระดับการท่องเที่ยวของอยุธยาทั้งระบบ และส่งเสริมการเป็น Hub สู่ภาคเหนือและอีสาน, เซ็นทรัล ศรีราชา ยกระดับให้เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ล้ำสมัยพร้อมรองรับ EEC และ New S Curve และเซ็นทรัล จันทบุรี ผลักดันศักยภาพและเจียระไนจันทบุรีที่เป็นเหมือน Hidden Gem ของประเทศ เป็นจุดเชื่อมต่อจากเขตเศรษฐกิจ เป็น EEC Plus 2 ตามแผนพัฒนาเมืองรองของภาครัฐ

กลยุทธ์ที่ 2: Customer-Centric Design Thinking and Marketing แนวคิดการพัฒนาโปรเจ็คที่ รังสรรค์โครงการในทุกองค์ประกอบเพื่อทุกไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต และชูวิถีอัตลักษณ์ของเมือง ทุกโครงการมีความพร้อม และเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดของจังหวัด ในเรื่องต่างๆ 

นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ ซีพีเอ็ชน  กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าเมืองเศรษฐกิจที่กำลังจะขยายไปทั้ง 3 แห่ง อยุธยา, ศรีราชา และจันทบุรี ยังมี Retail Gap ที่รอการเข้าไปเติมเต็มได้ ทุกโครงการของเซ็นทรัลพัฒนา เป็นเสมือน Milestone ที่ยกระดับความเจริญ และศักยภาพของเมืองหรือจังหวัดนั้นๆ และสร้าง community สร้าง Center of Life ให้กับทุกจังหวัดที่เราไปตั้งอยู่ โดยมีโฟกัสสำคัญในแต่ละโครงการ ดังนี้

“เซ็นทรัล อยุธยา”: อัศจรรย์อยุธยา ยกระดับความเรืองรองของเมือง UNESCO World Heritage ให้ทั่วโลกได้รู้จัก ส่งเสริมให้ ‘อยุธยาของคนไทย’ เป็นสปอตไลท์ระดับโลก ด้วยความโดดเด่นของโครงการ ดังนี้

1. Young Affluent & Urban Vibes: มีกลุ่มคนอยุธยารุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง

• จากฐานข้อมูล The 1 ของกลุ่มเซ็นทรัล มีกลุ่มที่เป็น unmet need ในอยุธยา โดยคนกลุ่มนี้กว่า 180,000 คน จำเป็นต้องเข้ามาช้อปในชานเมืองกรุงเทพฯ เฉลี่ย 6 ครั้งต่อเดือน ดังนั้น เซ็นทรัล อยุธยา จะเป็น Lifestyle Accelerator ทำให้อยุธยามีเดสติเนชั่นใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมากรุงเทพฯ

• มีประชากรกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากเกือบ 2,500,000 คน (อยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี, ชัยนาท, สุพรรณบุรี) และยังมีประชากรแฝงจากนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำ 5 แห่งกว่า 166,000 คน ซึ่งเป็นบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และ Hi-tech โดยมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำกว่า 56 โครงการกว่า 5,700 units ราคาเฉลี่ย 1.5-3 ล้านบาท

2. Complete Tourism Ecosystem: อนุรักษ์และยกระดับการท่องเที่ยวของอยุธยาทั้งระบบ เป็นจุดหมายที่ครบครันในที่เดียว และส่งเสริมให้ stay longer เที่ยวอยุธยาให้นานขึ้น เที่ยว 2 วัน 1 คืน และเที่ยวได้ทั้งวันทั้งคืน ซึ่งจะเป็นจุดหมายใหม่แบบ Short-Trip Destination

3. นักท่องเที่ยวและ Commuter มหาศาล: จับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน นอกจากในช่วง Weekday และ Weekend จับกลุ่มคนอยุธยา 85% ที่มีกำลังซื้อแล้ว สำหรับ Weekend ยังเน้นจับกลุ่มสำคัญคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ อีก 15%

โดยอยุธยามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยือนมากกว่า 8 ล้านคนในปี 2019 โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 6.2 ล้านคน และต่างชาติ 2.1 ล้านคน) ซึ่งตลาดการท่องเที่ยวอยุธยาสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเรามีแผนทำ International marketing กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ส่วน Commuters ที่เดินทางผ่านหน้าโครงการ ซึ่งอยู่ติดถนนสายหลักถึง 100,000 คันต่อวัน

4. New Wonders ที่เดียวในอยุธยา: ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ จากแบรนด์ชั้นนำ และร้านค้ากว่า 400 ร้าน

สำหรับ “เซ็นทรัล ศรีราชา” ปั้นเมือง New S-Curve ซึ่งเป็น Promising City เมืองอนาคตไกล ผลักดันศักยภาพศรีราชาเป็น Center of EEC ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Inspiring Si Racha – The Innovation Oasis’ ล้ำอย่างลงตัว เป็น Community Thought Leader ด้วย Facilities ล้ำสมัย สร้างพลังสีเขียวใจกลางเมือง

1. Pioneer of the Future: The most innovative and largest mixed-use development นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ตอบรับการที่ศรีราชาเป็นเมืองดาวรุ่งอุตสาหกรรม และมี GDP เป็นอันดับ 2 ของประเทศ

• ตัวโครงการตั้งอยู่บนโลเคชั่นที่ดีที่สุดใจกลางเมือง มีกำลังซื้อหนาแน่นด้วยแบรนด์บิ๊กอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยกว่า 61,000 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1.5-6 ล้านบาท, โรงแรม,โรงเรียนและโรงพยาบาลชั้นนำ และนิคมอุตสาหกรรม 11 แห่ง

โดยกลุ่มเป้าหมายหลากหลายและมีกำลังซื้อสูง ชาวศรีราชา มีประชากรกว่า 580,000 คน โครงการที่อยู่อาศัยเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี มีชุมชน Japanese Expat ที่เข้มแข็ง โดยมีชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติอื่นๆ อาศัยอยู่ประมาณ 40,000 คน อีกทั้ง กลุ่มคนญี่ปุ่นในทำงานที่ศรีราชาเป็นระดับ Top management เงินเดือนสูงเฉลี่ยประมาณ 100,000-200,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น จึงตั้งใจทำให้ศรีราชาเป็นเหมือน Little Yogohama

ขณะที่ “เซ็นทรัล จันทบุรี” บุกตลาด Blue Ocean มิกซ์ยูสหนึ่งเดียวในจันทบุรี และครบครันที่สุดในภาคตะวันออก เป็น   The Hidden Gem of EEC Plus 2 สร้างเศรษฐกิจและวิถีท้องถิ่นแข็งแกร่งระดับประเทศ ด้วย Landmark แห่งใหม่ของเมือง: ศูนย์กลางการใช้ชีวิตแห่งใหม่ที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด ทั้งศูนย์การค้า, Convention Hall, คอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย จำนวน 247 ยูนิต และโรงแรม ขนาด 158 ยูนิต  

โดยมีกำลังซื้อชัด มีไลฟ์สไตล์ดี ด้วยมีประชากรกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากกว่า 1,800,000 คน (จันทบุรี, ตราด, ปราจีนบุรี, สระแก้ว ซึ่งจากฐานข้อมูลของกลุ่มเซ็นทรัล จันทบุรีมียอดขายอันดับต้นๆ ในสาขาต่างจังหวัด และเป็นเมืองกำลังเติบโต มีสถานศึกษาถึง 45 แห่ง โรงแรม 29 แห่ง และที่พักอาศัย 24 แห่ง โดยเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเติบโตด้วย EEC Plus 2 และความมีเสน่ห์ของเมือง 

นอกจากนี้ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็น Rising star มี Local Tourism ที่แข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่อง  พร้อมจับกลุ่ม Cross-Border Trading ตอบโจทย์การค้าขายระหว่างพรมแดนด้วยกลุ่มเป้าหมายที่มี High Spender เช่นเดียวกับความสำเร็จของศูนย์การค้าในภาคอีสาน

สำหรับกลยุทธ์ที่ 3: Tenant-Centric Business Partnership บริษัทมองการลงทุนกับคู่ค้าในระยะยาว โดยธุรกิจต่างๆ จะเข้าไปขยายการลงทุนไปกับซีพีเอ็นจะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้วยการสร้างศูนย์การค้าที่ตรงใจคนในแต่ละโลเคชั่น เป็น The best in city and the most preferred choice ของ    แต่ละจังหวัด พร้อมช่วยยกระดับจังหวัด ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนในทุกที่ ทำให้ถึงแม้จะมีปัจจัยระยะสั้น ก็ยังคงมีทราฟฟิกกลับมาดีต่อเนื่อง 

นางสาววัลยา กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนา ของปี 2563 มีรายได้รวม 32,062 ล้านบาท และกำไร 9,557 ล้านบาท เป็นผลจากการบริหารจัดการต้นทุน การปรับแผนการลงทุน รวมถึงการดูแลช่วยเหลือ Stakeholders ทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง 

ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนา บริหารจัดการศูนย์การค้า 34 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.8 ล้านตารางเมตร  (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ, ต่างจังหวัด 18 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 18 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT  VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL PAHOL 34 และ BELLE GRAND RAMA 9 

และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN พิษณุโลก (ทาวน์โฮม) นินญา กัลปพฤกษ์ (บ้านแฝด) โครงการนิยาม บรมราชชนนี (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ได้แก่ นีรติ เชียงราย และนีรติ บางนา อีกทั้งยังมีโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่อีกมากมาย อาทิ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมทุนกับดุสิตธานี และโครงการ GLAND ที่เซ็นทรัลพัฒนาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกด้วย