posttoday

บูมลงทุนพลังงานปี’64 แตะ 1.3 แสนล้าน

28 ธันวาคม 2563

“สุพัฒน์พงษ์” ลั่นเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายปี’ 64 มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ ดันลงทุนปิโตรฯเฟส 4 ในอีอีซี ส่งเสริมใช้โซฮอล์อี20เป็นน้ำมันพื้นฐาน

นายสุพัฒน์พงษ์   พันธ์มีเชาว์  รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยถึงนโยบายพลังงานในปี 2564 ว่า จะให้ความสำคัญ  3 ด้าน  เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และจะมีเม็ดเงินลงทุนผ่านโครงการต่างๆ กว่า 1.3 แสนล้านบาท ประกอบไปด้วยคือ  1.การสร้างพลังงานเข้มแข็ง จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนพลังงานแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบการพัฒนาของภาครัฐและเป็นกรอบการลงทุนที่ชัดเจนของภาคเอกชน ผลักดันความชัดเจนเรื่องลดสำรองไฟฟ้า เดินหน้าส่งเสริมแข่งขันเปิดเสรีกิจการก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า กำหนดเป้าหมายขับเคลื่อน EV เพื่อกระตุ้นการลงทุน

รวมถึงเตรียมความพร้อมการเปิดประมูลสิทธิการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 23 การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชา (OCA) และกำหนดการส่งเสริมการลงทุนปิโตรเลียมระยะที่ 4 ในพื้นที่ EEC

2.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก จะกระตุ้นยอดขาย B10 กำหนดให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเบนซินหลัก โดยผลักดันให้โรงกลั่นผลิต G-base ได้ตามมาตรฐานภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 และร่วมขับเคลื่อนโครงการชุมชนทั่วประเทศร่วมกับกระทรวงมหาดไทย

และ3.ด้านการส่งเสริมการลงทุนพลังงานสะอาด โดยจะเร่งรัดการลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 150 เมกะวัตต์ ส่งเสริมกระตุ้นการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะ ส่งเสริมการใช้โซลาร์รูฟท็อปให้เติบโต 100 เมกะวัตต์ ริเริ่ม ESCO ภาครัฐเพื่อลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้เกิดการลงทุน

สำหรับผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานในปี 2563 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านพลังงานจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ โดยมาตรการลดรายจ่ายประชาชนในช่วงโควิด เช่น การลดค่าไฟฟ้า LPG NGV ฯลฯ รวมมูลค่า 49,836 ล้านบาท

ส่วนการสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศ ซึ่งสามารถจัดเก็บรายได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียมเข้าภาครัฐ 129,932 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่น ทั้งยังกำหนดให้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐานครั้งแรกของประเทศช่วยยกระดับชีวิตเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ขับเคลื่อนพลังงานชุมชน สร้างชุมชนต้นแบบลดใช้พลังงาน ซึ่งทั้งมาตรการช่วยเหลือและสร้างรายได้ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.79 แสนล้านบาท